‘เบนเน็ตต์’ ล้มช้าง
การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอิสราเอลมานานถึง 12 ปีของ เบนจามิน เนทันยาฮู ต้องสิ้นสุดลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ด้วยน้ำมือของนักชาตินิยม อย่าง “นาฟตาลี เบนเน็ตต์” เป็นสิ่งที่น้อยคนในอิสราเอลเคยจินตนาการมาก่อน เหตุการณ์ยังเหมือนกับภาพยนตร์เรื่อง “แจ็คผู้ฆ่ายักษ์” หรือการ “ล้มช้าง” ตามสำนวนไทย
การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอิสราเอลมานานถึง 12 ปีของ เบนจามิน เนทันยาฮู ต้องสิ้นสุดลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ด้วยน้ำมือของนักชาตินิยม อย่าง “นาฟตาลี เบนเน็ตต์” เป็นสิ่งที่น้อยคนในอิสราเอลเคยจินตนาการมาก่อน เหตุการณ์ยังเหมือนกับภาพยนตร์เรื่อง “แจ็คผู้ฆ่ายักษ์” หรือการ “ล้มช้าง” ตามสำนวนไทย
เนทันยาฮู หรือที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อ ‘บิบี’ เป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของอิสราเอล โดยเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 2552 หลังจากดำรงตำแหน่งครั้งแรกระหว่างปี 2539 ถึง 2542
ในฐานะนักการเมืองอิสราเอลที่มีอำนาจมากที่สุด เนทันยาฮูได้กลายเป็นโลโก้ของอิสราเอลในเวทีระหว่างประเทศ ที่มีการใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยม เนทันยาฮูได้ใช้สถานะในระดับโลกนี้ ต่อต้านการเรียกร้องที่จะตั้งรัฐปาเลสไตน์ โดยชี้ว่า เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของอิสราเอล และพยายามหลีกเลี่ยงปัญหาปาเลสไตน์ ด้วยการทำข้อตกลงทางการทูตกับรัฐอาหรับ ซึ่งมีความกลัวต่ออิหร่านเหมือนกัน
ด้วยความที่เนทันยาฮูมักสร้างความแตกแยกทั้งในประเทศและในต่างประเทศ ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่จะคว้าชัยเลือกตั้งอย่างเด็ดขาด และถูกไต่สวนทุจริตอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองจึงประณามการใช้วาทศิลป์ที่สร้างความแตกแยก กลอุบายทางการเมืองที่ชอบลอบโจมตี และการเอาตัวรอดทางการเมืองโดยยึดเอาผลประโยชน์ของรัฐ
เนทันยาฮู หวังว่าจะมีชัยจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่อิสราเอลทำได้ดีกว่าชาติใด ๆ ในโลก แต่กลับถูกฝ่ายตรงข้ามเรียกว่าเป็น “รัฐมนตรีกระทรวงอาชญากรรม” และกล่าวหาเขาก่อนหน้านี้ว่า จัดการกับวิกฤตไวรัสโคโรนาและผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างผิดพลาด
ในที่สุด รัฐสภาอิสราเอลลงมติ ด้วยคะแนน 60-59 เสียงให้ตั้งรัฐบาลใหม่ โดยมี “นาฟตาลี เบนเน็ตต์” เป็นผู้นำรัฐบาลผสมคนใหม่
เบนเน็ตต์ อายุเพียง 49 ปี เคยถูกมองว่าเป็นเด็กในอุปถัมภ์ของเนทันยาฮู โดยเคยเป็น หัวหน้าคณะทำงานของเนทันยาฮู แต่ทั้งคู่แยกทางกัน เมื่อเบนเน็ตต์ออกจากพรรคลิคุด ไปเข้าร่วมพรรค Jewish Home ซึ่งเป็นพรรคศาสนาประจำชาติฝ่ายขวา จากนั้นได้เข้าสู่สภาหลังจากชนะเลือกตั้งในปี 2556
เบนเน็ตต์ เป็นยิวออร์โธดอกซ์ เคยเป็น คอมมานโด และเป็นมหาเศรษฐีที่ทำธุรกิจเทคโนโลยี ด้วยการสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตนเอง เขามีความทะเยอทะยานที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีมานาน แต่บทบาทใหม่ของเขามาโดดเด่นมากเมื่อพรรค ยามินาซึ่งเป็นพรรคชาตินิยมฝ่ายขวาของเขา ได้ที่นั่งเพียงไม่กี่ที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด
แม้ว่าพรรคของเขาได้คะแนนเป็นอันดับห้า แต่ เบ็นเน็ตต์กลับได้รับการผลักดันให้เป็น “Kingmaker” เพราะเสียงสนับสนุนของเขามีความจำเป็น หากสองกลุ่มการเมือง ต้องการชิงอำนาจ เพื่อที่จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลผสมให้ได้
ทั้งเนทันยาฮู และแยร์ ลาปิด ผู้นำพรรคฝ่ายค้านสายกลาง ต่างเสนอให้เบนเน็ตต์เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในที่สุด เบนเน็ตต์เลือกเข้าข้างลาปิด แม้ว่าจะมีอุดมการณ์ต่างกันมาก โดยอ้างว่าเพื่อประโยชน์ของชาติ และให้เหตุผลว่า หากเลือกตั้งเป็นครั้งที่ห้า จะสร้างความเสียหายแก่อิสราเอลมาก
ตามข้อตกลงตั้งรัฐบาลผสม เบนเน็ตต์จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีเพียงสองปี หรือจนถึงปี 2566 จากนั้นจะให้ลาปิด ขึ้นมาเป็นแทน โดยลาปิดเคยเป็นอดีตพิธีกรชื่อดังของอิสราเอล
สิ่งที่มีการจับตามองหลังเบนเน็ตต์ขึ้นเป็นผู้นำใหม่อิสราเอลคือ สถานการณ์ในตะวันออกกลาง และปัญหาปาเลสไตน์จะดีขึ้นหรือเลวลง
มักมีคนเรียกเบนเน็ตต์ว่าเป็นพวกชาตินิยมสุดโต่ง และตัวเขาเองเคยบอกว่า เป็นพวกฝ่ายขวามากกว่าเนทันยาฮู นอกจากนี้ ยังเคยสนับสนุนอิสราเอลให้เป็นรัฐยิวและการอ้างสิทธิ์ทางประวัติศาสตร์และศาสนาของชาวยิวในเวสต์แบงก์ เยรูซาเล็มตะวันออก และที่ราบสูงโกลันของซีเรีย ซึ่งเป็นดินแดนที่อิสราเอลยึดครองตั้งแต่สงครามตะวันออกกลางปี 2510
เบนเน็ตต์ พูดภาษาอังกฤษได้คล่องและมีความเข้าใจในสื่อ และมักไปออกโทรทัศน์ต่างประเทศ เพื่อปกป้องการกระทำของอิสราเอล อย่างไรก็ดี รัฐบาลใหม่ของเขา วางแผนที่จะหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวในปัญหาระหว่างประเทศ เช่นนโยบายที่มีต่อชาวปาเลสไตน์ เป็นส่วนใหญ่ แต่จะมุ่งเน้นไปที่การปฏิรูปภายในประเทศแทน
อย่างไรก็ดี ในมุมมองของชาวปาเลสไตน์ เบนเน็ตต์ เป็นอดีตรัฐมนตรีกลาโหม ที่สนับสนุนการผนวกดินแดนบางส่วนของเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครอง และจะดำเนินนโยบายฝ่ายขวาเช่นเดียวกับเนทันยาฮู
นอกจากนี้ ในการแถลงต่อสภา เบนเน็ตต์ได้สะท้อนข้อเรียกร้องของเนทันยาฮู ไม่ให้สหรัฐฯ กลับไปทำข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างมหาอำนาจกับอิหร่าน
ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นคำตอบได้ว่า ปัญหาในตะวันออกกลาง จะดีขึ้นหรือเลวลง และต้องจับตามองกันต่อไปว่า รัฐบาลผสมชุดใหม่ของเบนเน็ตต์ จะทำให้ยุคของเนทันยาฮู สิ้นสุดลงเป็นการถาวร หรือ จะกลับมาทวงตำแหน่งคืนในเร็ว ๆ นี้ ตามที่เขาประกาศไว้