KTC ลบ 3% แพนิก “ตู่” เล็งหั่นดอกเบี้ย กดดันรายได้หด
KTC ปิดเช้าลบ 3% นักลงทุนแห่ขายหลังมีข่าวนายกฯ เตรียมปรับลดดอกเบี้ย หวังแก้หนี้ให้ประชาชน โดยคาดว่าประเด็นดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อยอดปล่อยสินเชื่อในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)หรือ KTC ปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ 67.75 บาท ลดลง 2.25 บาท หรือ 3.21% สูงสุดที่ 69.25 บาท ต่ำสุดที่ 65.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.89 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้น KTC ปรับตัวลงเกิดจากกรณี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 15 มิ.ย. 2564 โดยที่ประชุมครม.ได้มีการนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนให้เบ็ดเสร็จทั้งระยะสั้นที่จะต้องเร่งดำเนินการให้มีความชัดเจนภายใน 6 เดือน และในระยะยาว เพื่อสร้างความเป็นธรรมกับลูกหนี้ รวมถึงแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนให้ดีขึ้นด้วย
โดยแนวทางระยะสั้นที่จะต้องเร่งดำเนินการ คือ
1.การไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สินเชื่อลดการดำเนินคดีกับประชาชน เช่น หนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษากยศ. หนี้สถาบันการเงินเฉพาะกิจและหนี้สหกรณ์
2.ลดภาระดอกเบี้ยประชาชน ทั้งสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ และนาโนไฟแนนซ์ สำหรับประชาชน รวมถึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของครู และข้าราชการ รวมถึงสหกรณ์ ปรับรูปแบบการชำระหนี้ รวมถึงการปรับลดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็น
3.ยกระดับการกำกับดูแล เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สบค.) คุ้มครองความเป็นธรรมให้ประชาชนที่เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ขณะเดียวกันให้ธปท. ทบทวนเพดานอัตราดอกเบี้ยและการกำกับดูแลบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อจำนำทะเบียน
4.กำกับดูแลไม่ให้การบริหารความเสี่ยงด้านสินเชื่อของสถาบันการเงิน และสหกรณ์สร้างภาระแก่ผู้กู้จนเกินสมควร
5.เพิ่มการเข้าถึงแหล่งทุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยและ SMEs เช่น จัดให้มี softloan สำหรับ SME ที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ การเพิ่มจำนวนโรงรับจำนำและโรงรับจำนอง
ทั้งนี้ KTC จึงได้รับ Sentiment เชิงลบ เนื่องจากมีสินเชื่อบัตรเครดิตที่คาดว่าปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยสุดที่ 66% สินเชื่อส่วนบุคคล 34% จากการเข้ามาควบคุมกำกับดูแลสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของ สคบ. ซึ่งประเมินผลกระทบจำกัด เพราะในช่วงปีที่ผ่านมา สคบ. ได้มีการเข้ามาควบคุมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น Maket Conduct และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบัตรเครดิต