ILINK บวก 5% รับคว้างานใหม่ต่อเนื่อง-ลุ้นปีนี้รายได้เข้าเป้าแตะ 6 พันลบ.
ILINK บวก 5% รับคว้างานใหม่ต่อเนื่อง-ลุ้นปีนี้รายได้เข้าเป้าแตะ 6 พันลบ. ตุน Backlog กว่า 4.6 พันลบ. พร้อมรอเซ็นสัญญา-ประมูลโครงการใหม่มูลค่ารวมราว 2,028 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK ณ เวลา 15.21 น. อยู่ที่ระดับ 6.50 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 4.84% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 13.10 ล้านบาท
ล่าสุดวานนี้(15 มิ.ย.64) ILINK เปิดเผยว่า บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เพาเวอร์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ILINK ได้ทำสัญญาจ้างก่อสร้าง เลขที่ C.CST. 025/2564 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยเป็นงานจ้างก่อสร้างเคเบิล ใต้ดิน 1 จังหวัด 1 ถนน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เขตพื้นที่ กฟฉ. 1 (จังหวัดขอนแก่น) ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) มูลค่างาน 33.80 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว มีระยะเวลาส่งมอบ 300 วัน นับถัดจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคให้เริ่มทำงาน
โดยก่อนหน้านี้นางสาววริษา อนันตรัมพร ผู้จัดการทั่วไป LINK เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมั่นใจเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 6,000 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตมาจากทุกธุรกิจ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องกลับมาทำงานที่บ้าน (Work From Home) ส่งผลให้มีความต้องการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ มารองรับการ WFH และการพัฒนาเทคโนโลยีรองรับ 5G ,IoT (Internet of Things) ด้วย
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ด้านธุรกิจโทรคมนาคม มูลค่า 3,645 ล้านบาท อาทิ โครงการอินเทอร์เน็ตชุมชน 1-2 (USO1-2) และโครงการ Data Center เป็นต้น ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 1,424 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทยังมี Backlog ธุรกิจวิศวกรรม มูลค่า 982.45 ล้านบาท ทั้งหมด 7 โครงการ อาทิ AOT (CC3) , สถานีไฟฟ้าย่อย และนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน เป็นต้น โดยจะรับรู้รายได้เข้ามาในปีนี้ทั้งหมด
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญา และผลการประมูลในโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง มูลค่ารวมราว 2,028 ล้านบาท ทั้งหมด 5 โครงการ คือ โครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน จังหวัดขอนแก่น มูลค่า 34 ล้านบาท โครงการวางระบบไฟฟ้าสายเคเบิลใต้น้ำ เกาะปันหยี มูลค่า 144 ล้านบาท โครงการวางระบบไฟฟ้าสายเคเบิลใต้น้ำ แม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่า 85 ล้านบาท และโครงการสถานีไฟฟ้าย่อย 3 โครงการ มูลค่า 535 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเตรียมเซ็นสัญญาเข้ารับงานอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2-ไตรมาส 3 นี้
ส่วนโครงการวางระบบไฟฟ้าสายเคเบิลใต้น้ำ เกาะสมุย มูลค่าโครงการ 1,230 ล้านบาท ยังคงต้องรอผลการตัดสินของศาลปกครองที่จะออกมาก่อน
“ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้รูปแบบการทำงานของผู้ประกอบการเปลี่ยนแปลงไป ความต้องการใช้ระบบโทรคมนาคมต่างๆ ก็ปรับตัวสูงขึ้นตาม ส่งผลให้ผู้ประกอบการต่างๆ ต้องเร่งพัฒนาระบบของตัวเองเพื่อที่จะรองรับการทำงานจากบ้าน จึงผลักดันให้บริษัทมีการเติบโตสวนทางกับผู้ประกอบการในธุรกิจอื่นๆ ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีก็ยังมีทิศทางที่ดีเติบโตต่อเนื่อง”นางสาววริษา กล่าว