6 โบรกฯแนะ “ซื้อ” EKH เป้า 8.40 บ. ชี้กำไรปี 64 โต 130% รับยอดรักษาโควิด-ลูกค้า IVF พุ่ง

6 โบรกฯแนะ “ซื้อ” EKH เป้าสูงสุดอยู่ที่ 8.40 บาท คาดว่าชี้กำไรปี 64 โต 130% เนื่องจากการยอดรักษา "โควิด-19" และนโยบายประเทศจีนที่สนับสนุนให้มีลูกได้ 3 คน ส่งผลให้ลูกค้า IVF พุ่งขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โบรกเกอร์ต่างเชียร์ “ซื้อ” หุ้น บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH ซึ่งมองว่าแนวโน้มกำไรปีนี้เติบโตดี จากการให้บริการที่เกี่ยวกับโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันผู้ติดเชื้อโควิด-19 คิดเป็นประมาณ 70% ของคนไข้ IPD รวมไปถึงสถานการณ์ช่วงครึ่งปีหลังที่จะทยอยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในช่วงไตรมาส 4/2564 เป็นต้นไป โดยจะส่งผลให้จำนวนลูกค้า IVF (ศูนย์ผู้มีบุตรยาก) เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ จีนปรับเปลี่ยนนโยบายสนับสนุนให้คู่สมรสมีบุตรคนที่ 3 ของจีนจากก่อนหน้านี้ที่กำหนดให้คู่สมรสมีบุตรได้ไม่เกิน 2 คน ซึ่งส่งผลที่ดีต่อทาง EKH ช่วยสนับสนุนให้มีผู้ใช้บริการ IVF มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตามองการเปิดประเทศว่าจะสามารถดำเนินการตามแผนได้หรือไม่ และยังคงต้องติดตามยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากการเปิดประเทศอีกด้วย

สำหรับผลประเมินการของแต่ละบริษัทหลักทรัพย์ที่มีต่อหุ้น EKH มีดังต่อไปนี้

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า  บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH จะสามารถทำรายได้ปีนี้เติบโตตามเป้าที่ 20% ได้ เนื่องจากธุรกิจโรงพยาบาลเป็นธุรกิจที่เติบโตได้ดีอยู่แล้ว ซึ่งมีเพียงปีก่อนที่ลูกค้าต่างประเทศต้องขาดช่วงไปเพราะการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้รายได้ในปีที่แล้วค่อนข้างต่ำ ประกอบกับกำไรในไตรมาส 2/2564 จะโดดเด่น จากการให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับการแพร่ระบาดโควิด-19

ทั้งนี้ สถานการณ์ช่วงครึ่งปีหลังที่จะทยอยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว จะส่งผลให้ลูกค้า IVF จากประเทศจีนน่าจะเริ่มกลับมาในช่วงไตรมาส 4/2564 เป็นต้นไป ซึ่งจะมาสนับสนุนรายได้อีกช่องทางหนึ่ง และยังมีนโยบายของประเทศจีนที่ปรับให้มีบุตร 3 คน เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะสนับสนุนให้ผู้ใช้บริการ IVF จะมีดีมานด์สูงขึ้น ส่งผลบวกกับทาง EKH เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตามองเรื่องการเปิดประเทศช่วงครึ่งปีหลังอย่างใกล้ชิดว่าจะสามารถดำเนินการตามแผนได้หรือไม่ และยังคงต้องติดตามยอดผู้ติดเชื้อและเชื้อที่กลายพันธุ์ภายหลังจากการเปิดประเทศอีกด้วย

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ประเมินกำไรสุทธิปี 2564 ของ EKH ที่ 115 ล้านบาท โต 60% จากงวดเดียวของปีก่อน จากการมี upside จากการรักษาผู้ป่วยโควิด-19  และคาดแนวโน้มช่วงครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยสนับสนุนในเรื่องการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ซึ่งจะมาช่วยสนับสนุนธุรกิจ IVF และการเติบโตของกำไร

สำหรับที่ประชุมคณะกรรมการกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิลูต์จีน (โปลิตบูโร) เปิดเผยว่า จีนจะสนับสนุนให้คู่สมรสมีบุตรคนที่ 3 ซึ่งถือเป็นการปรับนโยบายครั้งใหญ่ จากก่อนหน้านี้ที่กำหนดให้คู่สมรสมีบุตรได้ไม่เกิน 2 คน หลังจากที่อัตราการเกิดชะลอตัวลงอย่างมาก ในขณะที่จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะยาว

โดยนโยบายดังกล่าวจะเป็นปัจจัยบวกต่อทาง EKH เป็นการปรับเปลี่ยนนโยบายวางแผนครอบครัวให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะหากมีการลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์และคลอดบุตร, การเลี้ยงดูบุตร จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้มีผู้ใช้บริการ IVF มากขึ้น จากปีก่อนที่ผู้ใช้บริการลดลงอยู่ที่ 45 ราย โดยปีนี้คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการที่ทยอยเข้ามาในช่วงไตรมาส 4/2564 ที่ 70 ราย และจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในปี 2565 เป็นต้นไป

ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุไว้ว่า ได้ปรับประมาณการกำไรของ EKH ขึ้นเป็น 166 ล้านบาท โต 129.8% จากงวดเดียวของปีก่อน หลังแนวโน้มกำไรดีกว่าคาด จากรายได้การรักษาผู้ติดเชื้อ โควิด-19 เพิ่มขึ้น ซึ่งคิดเป็นประมาณ 70% ของคนไข้ IPD ปัจจุบัน โดยจากจำนวนเตียงให้บริการ 150-160 เตียง, U-Rate เกิน 100% สนับสนุนรายได้ที่เกี่ยวข้องกับ โควิด-19 เพิ่มขึ้น และอัตราทำกำไรดีขึ้นจาก Rev/25Bill เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรในไตรมาส 2/2564 จะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและฟื้นตัวจากงวดเดียวของปีก่อน ที่ขาดทุน 0.2 ล้านบาท

ด้านลูกค้า IVF จากประเทศจีนคาดว่าจะกลับเข้าใช้บริการตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 เป็นต้นไป เบื้องต้นประเมินไว้ที่ 90-120 เคสหลังจากเปิดประเทศ (10 จังหวัดไม่ต้องกักตัว เริ่ม 1 ตุลาคมนี้) และแรงสนับสนุนจากรัฐบาลจีนที่ปรับเปลี่ยนนโยบายให้คู่สมรสมีบุตรคนที่ 3 ได้จากก่อนหน้ากำหนดไม่เกิน 2 คน

Back to top button