JTS แรงต่อ 7% สนองเข้าดัชนี sSET ดึงความเชื่อมั่นนลท.

JTS พุ่ง 7% ตอบสนองหลังเข้าดัชนี sSET  ดึงความเชื่อมั่นนักลงทุนเข้าเก็งกำไร ฟากการปรับโครงสร้างบริษัทมั่นใจธุรกิจเติบโตมากยิ่งขึ้น โดยHyperScale Data Center ต่อยอดจากบริการเดิมที่ JASTELให้บริการรวมไปถึง Cloud Solution ที่ครบวงจร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (21 มิ.ย.64) ราคาหุ้นบริษัท จัสมินเทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ณ เวลา 11.20 น. อยู่ที่ระดับ 29.00 บาท บวกไป  2 บาท หรือขึ้นไป 7.41% โดยทำจุดสูงสุดที่ 32.00 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 28.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 63.75ล้านบาท

ทั้งนี้ที่ราคาหุ้น JTS ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลจากกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ประกาศผลการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนี SET50 / SET100 /sSET SETCLMV SETHD SETTHSI และ SETWB ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 ( 1 ก.ค. – 31 ธ.ค. 2564 ) โดย JTS เป็น 1 ในหุ้นที่ได้เข้าไปคำนวณอยู่ในดัชนี sSET ซึ่งมีจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย ( Free Float ) และสภาพคล่องสูงตามเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์กำหนด

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ JTS มีการปรับโครงสร้างธุรกิจและการถือหุ้นของบริษัทย่อยในกลุ่มบริษัทเพื่อให้ธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม ( Telecom Network & Service Provider Business ) ของบริษัท จัสเทล เน็ทเวิร์ค จำกัด (JASTEL)อยู่ภายใต้การบริหารจัดการและรวมดำเนินธุรกิจกับ JTS ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจจัดหา ออกแบบ และวางระบบสื่อสารและโทรคมนาคม ( System Integration Business )

สำหรับวิธีการขายหุ้นของ JASTELที่ บริษัท จัสมิน ซับมารีนเทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ( JSTC ) ถืออยู่ทั้งหมดจำนวน 5,199,993 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นสัดส่วน 99.99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ JASTEL ในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 231 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมกันทั้งสิ้น 1,201.19 ล้านบาท ให้แก่ JTSซึ่ง JTS จะรวมบัญชีของ JASTEL เข้ามาในงบไตรมาส 2/2564

ขณะเดียวกันหลังปรับโครงสร้างดังกล่าว ส่งผลให้ราคาหุ้น JTS ปรับตัวขึ้นมาโดยตลอด ทั้งนี้หากมองในแง่ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการปรับโครงสร้างดังกล่าว จะทำให้การประกอบธุรกิจของ JTS มีประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้สูงขึ้น จากการประสานประโยชน์ทางธุรกิจระหว่างบริษัทในกลุ่ม ซึ่งจะทำให้เกิดการต่อยอดและส่งเสริมธุรกิจของกลุ่มบริษัทในภาพรวม

โดยตลอดจนสร้างโอกาสให้ธุรกิจของ JTS และ JASTEL เติบโตมากยิ่งขึ้นจากการที่มีโอกาสให้บริการแก่ลูกค้าได้หลากหลายมากขึ้น โดยให้บริการ HyperScale Data Center ต่อยอดจากบริการเดิมที่JASTELให้บริการอยู่ได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการให้บริการ Cloud Solution อย่างครบวงจรทันความต้องการของตลาดในปัจจุบัน

Back to top button