สังคมข่าวหุ้น

*ดัชนีร่วงหลุด 1,600 จุด จากปัจจัยลบภายในประเทศที่ประดังเข้ามา ทำให้เป็นจังหวะพักฐานพอดี ส่วนจะดีดกลับขึ้นมาได้เมื่อไหร่นั้น คงต้องมาดูกันว่า ปัจจัยลบที่กดดัน จะถูกแก้ปัญหาอย่างไร ทั้งเรื่องการเร่งฉีดวัคซีน และตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ยังทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง ส่วนแนวรับถัดไป อยู่บริเวณ 1,550–1,560 จุด


*ดัชนีร่วงหลุด 1,600 จุด จากปัจจัยลบภายในประเทศที่ประดังเข้ามา ทำให้เป็นจังหวะพักฐานพอดี ส่วนจะดีดกลับขึ้นมาได้เมื่อไหร่นั้น คงต้องมาดูกันว่า ปัจจัยลบที่กดดัน จะถูกแก้ปัญหาอย่างไร ทั้งเรื่องการเร่งฉีดวัคซีน และตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ยังทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง ส่วนแนวรับถัดไป อยู่บริเวณ 1,550–1,560 จุด

*CPF บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร ราคาลงมา 26.50 บาท น่าจะเป็นโอกาสของนักลงทุนระยะกลางถึงยาวทยอยสะสมเข้าพอร์ต เพราะเป็นระดับต่ำสุดของปี 2564 หรือนับจากวันที่ 29 ธ.ค. 63 ขณะที่ผลประกอบการปีนี้ยังเติบโตแบบมีนัยสำคัญ บวกกับได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนตัว น่าจะช่วยดันกำไรทั้งไตรมาส 2 และที่เหลือของปีนี้ ได้มากกว่าที่นักวิเคราะห์ประมาณการกันไว้ เช่น บล.ทรีนีติ้ คาดกำไรปีนี้ 2.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่มีกำไร 2.6 หมื่นล้านบาท

*TISCO บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชี่ยลกรุ๊ป วานนี้เปิดตลาดช่วงเช้า ราคาร่วงลงไปแถว 87.75-88.00 บาท ทำให้มีแรงเข้ามาซื้อกันอย่างมาก และดันราคาขึ้นมาอยู่ในแดนบวกได้เกือบตลอดวัน ปิดตลาด 89.00 บาท บวก 0.25 บาท ทิสโก้ฯ จะเป็น บจ.แรกที่แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2/2564 วันที่ 16 ก.ค.นี้ ด้วยกำไรกว่า 1.73 พันล้านบาท เติบโต 30% จากการตั้งสำรองลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมพุ่งสูง ราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์จากสำนักต่าง ๆ ให้กันไว้ ส่วนใหญ่จะเกิน 100 บาท แถมยังเป็นหุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลงาม เฉลี่ย 7% ขึ้นไป

*เมื่อวานนี้บิ๊กล็อต STARK-W1 กว่า 500 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 250 ล้านบาท ที่ราคาเฉลี่ย 0.50 บาท ต่ำกว่าราคากระดาน แต่เท่าที่สำรวจตรวจสอบเชิงลึกพบว่า ไม่ได้มีนัยสำคัญอะไรมากมาย เพราะเป็นการปรับโครงสร้างการถือหุ้นกันภายในครอบครัวเท่านั้นเอง จบข่าว!!!

*บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เตรียมเสนอขายและจัดออกหุ้นกู้ครั้งใหม่ 8,000 ล้านบาท และมีกรีนชูอีก 2,000 ล้านบาท เงินที่ได้จากการระดมทุน นำไปลงทุนในโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าทั้งที่สร้างใหม่ การควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ธุรกิจโรงไฟฟ้า ขณะนี้กำลังพิจารณา 2-3 ดีล เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานลม และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ในเวียดนาม มาเลเซีย และเกาหลีใต้ คาดว่าจะสรุปได้ภายในครึ่งปีหลัง และมีบางส่วนใช้คืนเงินกู้เดิมเพื่อลดต้นทุนภาระดอกเบี้ยให้ต่ำลง รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ

*เรื่องดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคลที่ทางรัฐบาล อยากให้แบงก์ชาติปรับลดลงมาอีก ต้องจับตาว่าวันนี้ช่วงเย็น ๆ จะมีการประกาศออกมาทางแบงก์ชาติหรือเปล่า และหากประกาศออกมา ก็น่าจะลดเพียง 1-2% เท่านั้น และลดเฉพาะสินเชื่อที่คิดดอกเบี้ยเกิน 20% ดังนั้น บัตรเครดิตไม่กระทบแน่ ๆ ช่วงนี้ หากราคาหุ้นที่ถูกคาดว่าจะได้รับผลกระทบ ก็น่าจะทยอยสะสมไปเรื่อย ๆ ได้ ยิ่งฟังความเห็นของผู้บริหารแบงก์ชาติ และคลังด้วยแล้ว โอกาสลดยากมาก หรือแค่พอเป็นพิธี

*KTC บัตรกรุงไทย ราคาหุ้นแนวรับ 65.50 บาท ค่อนข้างแข็งแกร่งพอสมควร ขนาดดัชนีตลาดลงหนัก ๆ แต่ก็ยังยืนได้ อย่างวานนี้ราคาหุ้นปิดเสมอตัว 66.50 บาท และหากข่าวเรื่องดอกเบี้ยออกมาเป็นเชิงบวก มีโอกาสที่ราคาจะดีดกลับไปยืนเหนือ 70.00 บาท เช่นเดียวกับ MTC เมืองไทยแคปปิตอล ที่ราคาเหมือนจะผ่านช่วงต่ำสุดไปแล้ว ทำให้มาตั้งหลักที่ 56.50–57.50 บาท และมีโอกาสขยับขึ้นไปยืนเหนือ 60.00 บาทได้อีกครั้ง

Back to top button