หุ้นกลุ่มรพ. วิ่งคึก! โบรกฯเล็งไตรมาส 2 รับรายได้เสริม “โควิด-19” หนุน
หุ้นกลุ่มรพ. ราคาวิ่ง ดันดัชนีกลุ่มการแพทย์ปรับตัวขึ้น 1.60% บล.โนมูระ พัมนสิน คงน้ำหนักลงทุน เนื่องจากปัจจุบันรพ. รับรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และมีอัตราการเข้ารักษาสูงในไตรมาส 2/64 ซึ่งเป็นผลของการระบาดระลอก 3
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ 28 มิ.ย. 2564 ณ เวลา 11.30 น. ทางดัชนีกลุ่มการแพทย์มีการปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 5,607.16 จุด บวกไป 88.10 จุด หรือขึ้นไป 1.60% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลปรับตัวขึ้น นำโดย บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH ราคาหุ้นอยู่ที่ 23.50 บาท บวกไป 1.70 บาท หรือขึ้นไป 7.80 % ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 953.31 ล้านบาท
บริษัท เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ CMR ราคาหุ้นอยู่ที่ 2.78 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 7.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 39.66 ล้านบาท, บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG ราคาหุ้นอยู่ที่ 3.98 บาท บวกไป 0.24 บาท หรือขึ้นไป 6.42% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 883.49 ล้านบาท, บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ราคาหุ้นอยู่ที่ 28.25 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 4.63% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 45.60 ล้านบาท
บริษัท ศรีวิชัยเวชวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) หรือ VIH ราคาหุ้นอยู่ที่ 11.50 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 5.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 26.46 ล้านบาท, บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ราคาหุ้นอยู่ที่ 130.00 บาท บวกไป 2.00 บาท หรือขึ้นไป 1.56% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 161.86 ล้านบาท, บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 ราคาหุ้นอยู่ที่ 11.00 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 2.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 42.34ล้านบาท และ บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) หรือ VIBHA ราคาหุ้นอยู่ที่ 2.48 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 2.48% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 510.16 ล้านบาท
ด้านทาง บล.โนมูระ พัมนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่าคงน้ำหนักลงทุน Bullish กลุ่มการแพทย์ เนื่องจากปัจจุบันโรงพยาบาลที่ศึกษา 5 แห่ง รับรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และมีอัตราการเข้ารักษาสูงขึ้นในไตรมาส 2/2564 ซึ่งเป็นผลของการระบาดระลอกเดือน เม.ย.2564 จากการสอบถามกับโรงพยาบาล พบว่า บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน)หรือ BCH มีเตียง โรงพยาบาลสำหรับรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ราว 1,000 เตียง สัดส่วนราว 49% ของจำนวนเตียงทั้งหมด
รองมาเป็น บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG มีเตียงราว 300 เตียง สัดส่วน 40%, บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG มีเตียงราว 100 เตียง สัดส่วน 33%, บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS มีเตียง 1,600 เตียง สัดส่วน 26% และ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BHมีเตียง 60 เตียง สัดส่วน 12%
ประเด็นดังกล่าวทำให้คาดว่า BDMS, BCH, CHG และ THG จะมีรายได้เสริมจากโควิด-19 เป็นสัดส่วนต่อรายได้เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2564 รวมทั้งคาดว่าในไตรมาส 2/2564 รายได้ของโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะเติบโตเด่นจากงวดเดียวกันของปีก่อน และเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ในเบื้องต้นคาดว่า BCH จะมีรายได้เสริมโควิด-19 เป็นสัดส่วนราว 42% ของรายได้ไตรมาส 2/2564 รองมาได้แก่ CHG คาดมีสัดส่วน 17%, BDMS คาดมีสัดส่วนรายได้ 15% และ THG คาดมีสัดส่วนรายได้ 12%
พร้อมเลือก BDMS ราคาเป้าหมาย 27 บาท เป็นหุ้นเด่น เนื่องจากการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่องของไทยเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับทั้งคนในประเทศและชาวต่างชาติกลับมาทำกิจกรรมต่าง ๆ และโรงพยาบาลเอกชน ที่มีฐานลูกค้าต่างชาติ จะได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ ทำให้กลุ่มลูกค้าต่างชาติกลับมามากขึ้นในปี 2565 และคาดปี 2565 กำไรปกติรวมเติบโตสูงตามการเติบโตของ BDMS และ BH และการฟื้นตัวของ THG รวมทั้งมี upside จากรายได้บริการฉีดวัคซีนทางเลือก
อย่างไรก็ดี มองเป็น Slightly negative ระยะสั้นต่อกลุ่มโรงพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่งดให้บริการตรวจชั่วคราว เนื่องจากคาดว่าช่วงไตรมาส 3/2564 รายได้บริการตรวจคัดกรองของโรงพยาบาลจะลดลงจากไตรมาส 2/2564 ซึ่งมียอดตรวจเฉลี่ยต่อวันเร่งตัวขึ้น สำหรับโรงพยาบาลที่ศึกษาฯ ให้บริการตรวจคัดกรองตามเกณฑ์ PUI ได้แก่ BDMS, BCH, CHG และ THG โดย BDMS งดให้บริการไปก่อนหน้า ส่วน THG จำกัดจำนวนให้บริการต่อวัน ขณะที่ BCH และ CHG ยังให้บริการตรวจคัดกรองปกติ ทำให้ BCH และ CHG จะมีผลกระทบต่อรายได้เสริมน้อยกว่าโรงพยาบาลอื่น