RCL วอลุ่มแน่น-บวกแรง 8% รับค่าระวางเรือ BDI นิวไฮรอบกว่า 12 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(29 มิ.ย.2564) ราคาหุ้นบริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน)  หรือ RCL ณ เวลา 11.48 น. อยู่ที่ระดับ 55.25 บาท  บวก 4.25 บาท หรือ 8.33% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.46 พันล้านบาท คาดเก็งกำไรรอบใหม่รับค่าระวางเรือพุ่งต่อเนื่อง

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2564  ดัชนี Baltic DryIndex (BDI) หรือ ดัชนีค่าระวางเรือ อยู่ที่ 3324 จุด ทำจุดสูงสุดในรอบ 12 ปี 9 เดือน โดยเทียบตั้งแต่ค่าระวางเรืออยู่ที่ระดับ 3504 จุด เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 22551

โดยก่อนหน้านี้ นายทวินโชค ตันธุวนิตย์ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้างานภูมิภาค ปฏิบัติการและธุรกิจ บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) หรือ RCL เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการซื้อเรือมือสองและเรือใหม่เข้ามาเพิ่มเติม เพื่อรองรับความต้องการใช้เรือขนส่งตู้สินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นไปตามเทรนด์การซื้อขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ ทำให้ต้องมีการสต็อกสินค้าจำนวนมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการซื้อเรือดังกล่าวยังต้องดูจังหวะและราคาเรือก่อน เนื่องจากราคาเรือมือสองในขณะนี้ค่อนข้างสูง และราคาเรือใหม่ก็แพงกว่าการในอดีตถึง 20% อีกทั้งยังต้องดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบกัน

โดยปัจจุบันบริษัทมีการซื้อเรือมือสองเข้ามาแล้วจำนวน 6 ลำ คาดว่าจะได้รับเรือเข้ามาในไตรมาส 4/64 ซึ่งเรือกลุ่มนี้จะสามารถรองรับการใช้งานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป โดยจะนำมาทดแทนการเช่าเรือในปัจจุบัน ส่งผลทำให้ต้นทุนการให้บริการของบริษัทถูกลงกว่าการเช่าเรือ

ขณะที่ในช่วง 1-2 ปีนี้ ทาง RCL ยังไม่มีแผนที่จะขายเรือออกไป ซึ่งปัจจุบันมีกองเรือให้บริการรวมทั้งสิ้น 14 ลำ เนื่องจากการใช้เรือเพื่อขนส่งตู้สินค้าของบริษัทในปัจจุบันยังสามารถสร้างกำไรได้ดีกว่าการขายออก หลังจากค่าขนส่งอยู่ในระดับสูง ซึ่งมีปัจจัยมาจากเรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ Ever Giver เกยขวางคลองสุเอซในประเทศอียิปต์, เรือค้างท่าในประเทศจีน, เรือสินค้าชนเครนที่ประเทศไต้หวัน และเรือสินค้าไฟไหม้จมทะเลที่ประเทศศรีลังกา ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดแคลนเรือในอุตสาหกรรมขนส่งทางทะเล เห็นได้จากตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน เรือใหญ่ตั้งแต่ 4,000 TEU ขึ้นไป ไม่มีว่าง และอัตราค่าระวางค่อนข้างแพง โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นเดือน พ.ค.64 ค่าเช่าเรือเพิ่มขึ้น 70-120% และเรือบางขนาดปรับขึ้นถึง 200%

นอกจากนี้ทาง Maersk Broker หรือตัวแทนรับจัดการขนส่งสินค้า ได้ประเมินไว้ว่าในช่วงปี 65-68 อัตราค่าเช่าเรือทุกขนาดจะสูงกว่าปี 64 และน่าจะยืนอยู่ในระดับสูงในปี 68 โดยเรือขนาด 4,000 TEU จะไม่มีเรือเหลือให้เช่าเลย ส่วนเรือขนาด 3,000-6,999 TEU มีอัตราการใช้ประโยชน์มากกว่า 98% และเรือขนาด 700-2,999 TEU มีอัตราการใช้ประโยชน์ในช่วงแรกตกลงเล็กน้อย และความต้องการจะกลับมาสูงขึ้นในช่วงปีหลังๆ