ป.ป.ช.ชี้มูล “กิตติรัตน์” เอื้อประโยชน์ “สยามอินดิก้า” ขายข้าวให้อินโดฯล็อตปี 54

ป.ป.ช.ชี้มูล "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พร้อมพวก ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ เป็นเหตุเอื้อประโยชน์ประโยชน์ "สยามอินดิก้า" ผู้ส่งมอบข้าวให้แก่ BULOG ประเทศอินโดนีเซีย แต่เพียงผู้เดียวล็อตปี 2564


นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า วันนี้(29 มิ.ย.2564) ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อไต่สวนข้อเท็จจริงข้อกล่าวหานายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กับพวก กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยละเว้นไม่ควบคุมดูแลหรือสั่งการให้มีการตรวจสอบองค์การคลังสินค้า (อคส.) ที่ได้คัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้ BULOG ประเทศอินโดนีเซียโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้ จากการไต่สวนข้อเท็จจริงพบว่า เมื่อวันที่ 18 ส.ค.54 อคส.กับองค์การสำรองอาหาร (BULOG) ของรัฐบาลอินโดนีเซียได้ทำสัญญาซื้อขายข้าว 300,000 ตัน ราคาตันละ 559 เหรียญสหรัฐ ซึ่ง อคส.ได้ออกประกาศเชิญชวนผู้ประกอบการให้เสนอขายข้าวขาว 15% เพื่อส่งมอบให้แก่ BULOG โดยวิธียื่นซองเสนอราคาในวันที่ 13 ธ.ค.54 โดยไม่ปรากฏว่าหนังสือดังกล่าวได้มีการประกาศเป็นการทั่วไป ซึ่งไม่ชอบด้วยระเบียบ อคส.ว่าด้วยการจัดซื้อสินค้าเพื่อการค้าปกติ พ.ศ.2541

ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.54 มีผู้ยื่นซองเสนอราคา 2 ราย คือ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และ บริษัท นครสวรรค์ค้าข้าว จำกัด ซึ่งทั้งสองบริษัทได้มอบอำนาจให้พนักงานของสยามอินดิก้าเป็นผู้มายื่นซองเสนอราคา ผลปรากฏว่านครสวรรค์ค้าข้าวไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ จึงเหลือเพียงสยามอินดิก้าเพียงบริษัทเดียว

นายสุรศักดิ์ ศรีประภา ประธานกรรมการ อคส.ในฐานะรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการ อคส.ในขณะนั้นจึงอนุมัติให้สยามอินดิก้าเป็นผู้ส่งมอบข้าวให้แก่ BULOG  โดย อคส.ตกลงทำสัญญาซื้อขายข้าวกับสยามอินดิก้า 100,000 ตัน ราคาตันละ 559 เหรียญสหรัฐ และต่อมา อคส.ได้มีการทำบันทึกต่อท้ายสัญญาซื้อข้าวเพิ่มเติมอีก 200,000 ตัน โดยไม่มีการออกประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปให้มีการแข่งขันราคาแต่อย่างใด

กรณีดังกล่าวจึงถือได้ว่านายสุรศักดิ์, นายพิทีรต์ ตั้งพสสวัสดิ์ หรือนายพิพรรธารย์ มาตธินินทร์ รองผู้อำนวยการ อคส. และนายสมศักดิ์ วงศ์วัฒนศานต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ อคส.ได้ร่วมกันเอื้ออำนวยให้สยามอินดิก้าได้เข้าเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับ อคส.โดยไม่ต้องแข่งขันราคากับรายอื่น หลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรทำให้ อคส.ได้รับความเสียหาย

นอกจากนั้น หลังจาก อคส.คัดเลือกสยามอินดิก้าให้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้แก่ BULOG แล้ว ตัวแทนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยได้เข้าพบนายกิตติรัตน์เพื่อทักท้วงว่าการคัดเลือกสยามอินดิก้าไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่นายกิตติรัตน์ไม่ใช้อำนาจในฐานะ รมว.พาณิชย์ สั่งให้ตรวจสอบหรือดำเนินการใดๆ เพื่อยับยั้งหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าว กลับแจ้งแก่ผู้แทนสมาคมฯ รวมถึงให้ข่าวแก่สื่อมวลชนว่าจะไม่ทบทวนเรื่องดังกล่าว โดยอ้างว่าการดำเนินการของ อคส.เป็นไปโดยชอบ และทางฝ่าย BULOG เป็นผู้เลือกสยามอินดิก้า แต่ปรากฏว่า BULOG ไม่เคยให้ข้อเสนอแนะหรือแนะนำรายชื่อผู้ส่งออกข้าวให้กับ อคส.แต่อย่างใด แสดงให้เห็นเจตนาว่าต้องการเอื้อประโยชน์ให้แก่สยามอินดิก้า

คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วมีมติดังต่อไปนี้

1.การกระทำของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง มีมูลความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 192

2.การกระทำของนายสุรศักดิ์, นายพิทีรต์ หรือนายพิพรรธารย์, นายสมศักดิ์ และบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด กับพวก มีมูลความผิดอาญาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4 มาตรา 10 และมาตรา 12 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 192 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

โฆษกสำนักงาน ป.ป.ช.กล่าวว่า เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดแล้วจะดำเนินการจัดส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อให้ส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

 

Back to top button