SET ได้แรงหนุน window dressingเก็บ 19 หุ้นมีปัจจัยหนุนโครงการภาครัฐ
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ปรับขึ้นต่อแต่ไม่แรงมาก กรณีธปท.ปรับลดจีดีพีไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อดัชนีมากนัก ขณะที่ดัชนียังมีแรงหนุนจากแรงซื้อเพื่อทำราคาปิดงวดไตรมาส 3/58 (window dressing) ส่วนปัจจัยภายนอกตลาดการเงินน่าจะคลายกังวลจากเศรษฐกิจโลก หลังสหรัฐรายงานจีดีพี ไตรมาส 2 เติบโตดี
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รายงานเช้านี้ ณ เวลา 9.23 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 36.21 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นหลายแห่งปิดทำการเนื่องในวันหยุด ด้านนักลงทุนต่างจับตาผลกำไรภาคอุตสาหกรรมของจีน
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ปรับขึ้นต่อแต่ไม่แรงมาก กรณีธปท.ปรับลดจีดีพีไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อดัชนีมากนัก ขณะที่ดัชนียังมีแรงหนุนจากแรงซื้อเพื่อทำราคาปิดงวดไตรมาส 3/58 (window dressing) ส่วนปัจจัยภายนอกตลาดการเงินน่าจะคลายกังวลจากเศรษฐกิจโลก หลังสหรัฐรายงานจีดีพี ไตรมาส 2 เติบโตดี
สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เน้นกลุ่มแบงก์และกลุ่มพลังงานซึ่งเป็นเป้าหมายในการทำ window dressing ได้แก่ ITD , CK, STEC, MAJOR,IFEC, IVL, AOT, CHG, EPG, SCN, GUNKUL, TPCH, BDMS, SEAFCO, UNIQ, CENTEL, PS, SIRI และ QH
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ เนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตัวเลข GDP ไตรมาส 2/58 ของสหรัฐฯออกมาดีกว่าคาด โดยออกมาเติบโต 3.9% จากที่ตลาดคาดไว้โต 3.7% และความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯก็ดีกว่าคาดด้วย ซึ่งทำให้นักลงทุนเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่งพอที่จะรับดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้นไปในปีนี้ตามที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ได้กล่าวไว้
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบเล็กน้อย โดยเฉพาะตลาดจีนที่ติดลบ เนื่องจากยังมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน
ส่วนปัจจัยในประเทศค่อนข้างดีจากแรงซื้อที่น่าจะมีการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบฯไตรมาส 3/58 และยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทยอยออกมาด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,365 จุด ส่วนแนวต้าน 1,385-1,390 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ก.ย.) ธปท.ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจปี 2015-16 ลงเหลือ 2.7% และ 3.7% (เดิม 3.0% และ 4.1%) จากการส่งออก และการลงทุนภาคเอกชนอ่อนแอ ซึ่งไม่ได้เป็นประเด็นใหม่ ขณะที่การฟื้นตัวตลาดหุ้น Dow Jones, ราคาน้ำมัน และความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ในการประชุม ครม.สัปดาห์นี้ จะเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของ SET ต่อจากปลายสัปดาห์ก่อน เป้าหมายระยะสัปดาห์ 1,408/1,420 จุด
แนะนำ 1. “ซื้อ” รับเหมาฯ และ SCC รัฐบาลเร่งเปิดประมูลโครงสร้างพื้นฐานตั้งแต่ 4Q15 เป็นต้นไป: CK STEC SEAFCO UNIQ
2. “ซื้อ” กลุ่มท่องเที่ยว: กำลังเข้าสู่ช่วง High Season ปลายปีนี้ แนะนำ “ซื้อ” AOT และ CENTEL
3. “ซื้อ” กลุ่มอสังหาฯ ลุ้นมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นการปล่อยกู้ผ่าน ธอส. ลดค่าธรรมเนียม: PS SIRI และ QH
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ก.ย.) ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ขึ้นแต่ไม่แรง คาดตลาดการเงินน่าจะคลายกังวลเศรษฐกิจโลกเล็กน้อย หลังสหรัฐรายงาน final GDP ไตรมาส 2/58 +3.9% ผนวกความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.ย.สูงกว่าคาด ด้านปัจจัยภายในมองว่าการที่ ธปท.ลด GDP ไทยปี 58-59 จะไม่กระทบจิตวิทยา SET มากนัก และช่วงสั้นคาดหวังแรงซื้อเพื่อทำราคาปิดงวดไตรมาส 3/58 เช่นกัน ทั้งนี้ประเด็นการลงทุนเด่นยังเป็นโครงการภาครัฐ สอดแทรกด้วยหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนช่วงสายวันนี้พาณิชย์แถลงยอดส่งออก ส.ค.
หุ้นเด่นวันนี้ เก็งกำไร MAJOR,สะสม IFEC
บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ก.ย.) ภาวะตลาดได้แรงหนุนจากการเร่งโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศทั้งการลงทุนขนาดใหญ่และภาคอสังหาฯ รวมถึงการทำ Window dressing ในสัปดาห์นี้ แต่จะมีแรงกดดันจากความกังวล FED ขึ้นดอกเบี้ยรวมถึงมูดี้ส์จ่อลดเครดิต SCB KTB จากหนี้ SSI ดังนั้นคาดว่า SET จะปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด โดยมีแนวต้านที่ 1,385 จุด
แนะนำซื้อเก็งกำไรแบบ กลุ่มที่คาดว่าเป็นเป้าหมายการทำ Window Dressing เช่น ENERG BANK
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ก.ย.) ตลาดหุ้นไทยสุดสัปดาห์ก่อนปิด +0.33% มูลค่าการซื้อขายทรงตัวระดับ 3.1 หมื่น ลบ.ต่างชาติขายสุทธิ -2.9 พัน ลบ. และมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 5.6 พันสัญญา โดยต่างชาติยังคงลดพอร์ตในตลาดหุ้น Emerging Market หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ยืนยันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ วันนี้ติดตามกระทรวงพาณิชย์รายงานการส่งออกไทย ส.ค. คาด -3.1% & ก.ค.-3.56%
กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนีในกรอบ 1,365 – 1,390 จุด โดยวาง Filter แนวรับสำคัญที่ 1,365 จุด ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร ITD , CK, STEC (+ บอร์ด รฟม. พิจารณาประมูลรถไฟสาย จิระ-ขอนแก่น และโครงการรถไฟฟ้า 5 สาย กทม.เข้า ครม. ช่วงต้นปีหน้า)
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ก.ย.) แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: จะยังคงผันผวนอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากขาดปัจจัยบวกใหม่หนุนนำ แม้ตลาดหุ้นสหรัฐจะฟื้นตัว แต่รายงานจีดีพีขั้นสุดท้ายใน 2Q15 ของสหรัฐที่ออกมาสูงกว่าคาด จะเร่งหนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นลบต่อตลาดหุ้นภูมิภาค ขณะที่ ธปท. ปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยทั้งปีนี้และปีหน้าลงด้วย
Trading วันนี้: AOT (ท่องเที่ยวโดดเด่น) และ CHG (มีอัตราการเติบโตของกำไรสูงสุดในกลุ่ม ซื้อ/เป้า 2.4 บาท)
Accumulative BUY: EPG, SCN, GUNKUL, TPCH, BDMS
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ก.ย.) กลยุทธ์ : วันนี้ทางกระทรวงพาณิชย์จะประกาศตัวเลขส่งออก นำเข้าประจำเดือนส.ค. โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวของการส่งออกจะยังติดลบ 3% เทียบหดตัว -3.56% ในเดือนที่ผ่านมา ผลการประกาศตัวเลขส่งอกและนำเข้าคาดจะไม่ส่งผลต่อตลาดไม่ว่าจะออกมาดีหรือไม่ดี เนื่องจากอยู่ในความคาดหมายของตลาด
ปัจจัยที่จะหนุนตลาดในอาทิตย์นี้ คือการทำปิดงบรายไตรมาส โดยคาดกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆที่น่าจะกลับมาคึกคักในช่วงสัปดาห์นี้ คือกลุ่มอสังหาริมทรัพย์สร้างบ้าน จากแนวโน้มที่รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นแรงซื้อภาคอสังหาริมทรัพย์
รวมทั้งธนาคารพาณิชย์หลังพอจะประมาณการณ์การตั้งสำรองในกรณีของ SSI ส่วนกลุ่มสื่อสาร และพลังงานน่าจะยืนๆ หลังมีข่าวการปรับโครงสร้างผู้บริหารในเครือ PTT คาดสภาพตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้น่าจะเริ่มยืน แต่ยังมีสิทธิผันผวน จากผลกระทบจากต่างประเทศ ซึ่งยังต้องติดตามการเจรจาเรื่องงบประมาณของสหรัฐที่จะมีเส้นตายก่อนวันที่ 1 ต.ค. ส่วน
ปัจจัยหนุนในสัปดาห์นี้ คือ แนวโน้มการทำปิดงบรายไตรมาส และการเตรียมเสนอแผนกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ในเดือนหน้า โดยวันนี้มองดัชนี SET จะปรับตัวขึ้นจากแรงหนุนของตลาดในภูมิภาคและราคาน้ำมัน โดยมองแนวต้านที่ 1385-1390 จุดส่วนแนวรับที่ 1372-1368 จุด
แนะนำ ซื้อ IVL ด้วยราคาเป้าหมาย 33 บาท