“ตร.” เตือน! มิจฉาชีพแฝงตัว “บุคลากรแพทย์” หลอกจองวัคซีนทางเลือก
“ตร.” ออกโรงเตือน! มิจฉาชีพอ้างตัวเป็น “บุคลากรแพทย์” หลอกจองวัคซีนทางเลือกในรูปแบบชักชวนว่ามีโควตาและสร้างกลุ่มไลน์นัดวันเวลาสถานที่ฉีด ทั้งนี้โปรดตรวจสอบข้อมูลกับโรงพยาบาลโดยตรง
พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่า กรณีที่โรงพยาบาลและหน่วยงานต่างๆ เปิดให้ประชาชนจองวัคซีนทางเลือกในหลายช่องทาง ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่จะเพิ่มการฉีดวัคซีนและเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในสังคมต่อไป แต่ในทางกลับกันก็มีเหล่ามิจฉาชีพฉวยโอกาสนี้แฝงตัวมาในรูปแบบของบุคลากรทางการแพทย์หรือบุคคลที่น่าเชื่อถือและได้ไปชักชวนผู้เสียหายในลักษณะว่าตนมีโควตาในการฉีดวันซีนทางเลือกหลายโควตาจึงนำมาขายให้ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินไปให้เหล่ามิจฉาชีพเพื่อซื้อวัคซีนก็จะมีการสร้างกลุ่มไลน์และสร้างความน่าเชื่อถือ โดยการให้บุคคลที่อ้างว่าตนเป็นแพทย์เป็นผู้ดูแลกลุ่มและคอยตอบคำถามต่างๆจากผู้ที่อยู่ในกลุ่ม และมีการนัดวันเวลาสถานที่ในการฉีด
ทั้งนี้เมื่อถึงวันนัดปรากฎว่าผู้เสียหายไม่มีรายชื่อและบุคคลที่อ้างตนว่าเป็นแพทย์นั้นก็ไม่ได้เป็นแพทย์จริง ผู้เสียหายจึงทราบว่าตนถูกหลอกแล้วจึงไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์และดำเนินคดีต่อไป ดังเช่นในกรณีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.อุดรธานี และในหลายพื้นที่ซึ่งมีผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวหลายคน และได้มีการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนแล้ว โดยทางพนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายรวมถึงติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดต่อไป
โดยการกระทำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ความผิดในลักษณะดังกล่าวเป็นความผิดต่อส่วนตัวซึ่งผู้เสียหายจะต้องมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
อย่างไรก็ตาม พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีความห่วงใยประชาชนในกรณีดังกล่าวและขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ช่วยแจ้งเบาะแสข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อนำไปสืบสวนขยายผล ซึ่งจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดกับกลุ่มมิจฉาชีพต่อไป พร้อมได้กำชับสั่งการให้ทุกหน่วยของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเฝ้าระวัง สืบสวนปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเป็นรูปธรรมและเร่งสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชนเพื่อให้ทราบถึงพิษภัยและรูปแบบการกระทำความผิดต่างๆ โดยจะถือเป็นการจำกัดความเสียหายและตัดโอกาสในการกระทำความผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
ด้านรองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า การกระทำดังกล่าวนอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแล้วยังเป็นการซ้ำเติมความยากลำบากและจิตใจของประชาชนอีกด้วย และขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงแนวทางการป้องกันการถูกหลอกขายวัคซีนโควิด-19 ซึ่งจะต้องตรวจสอบที่มาที่ไปให้ชัดเจนว่าวัคซีนมีอยู่จริงหรือไม่ โดยตรวจสอบข้อมูลกับทางโรงพยาบาลหรือหน่วยงานที่เปิดให้จองวัคซีนทางเลือกโดยตรง อย่าหลงเชื่อแม้ว่าบุคคลที่ชักชวนจะน่าเชื่อถือมากเพียงใดก็ตามจนกว่าจะตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนและขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารอยู่เสมอเพื่อจะได้รู้ทันกลโกงของเหล่ามิจฉาชีพ