ธปท. มั่นใจ! ยอดปล่อย “สินเชื่อฟื้นฟู” ตามเป้าแสนล้าน ต.ค.นี้
ธปท.และสมาคมธนาคารไทย คาดการณ์ว่ายอดปล่อย “สินเชื่อฟื้นฟู” มีแนวโน้มได้ตามเป้าอยู่ที่ 1 แสนล้านบาทภายในเดือนตุลาคมนี้ โดยเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 มียอดรวม 59,061 ล้านบาท ลูกหนี้ 19,427 ราย วงเงินเฉลี่ย 3 ล้านบาทต่อราย โดยจะกระจายตัวได้ดีในประเภทธุรกิจและภูมิภาค
นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 1 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การปล่อยสินเชื่อฟื้นฟูมีความคืบหน้าและมีแนวโน้มดำเนินการได้ตามเป้าหมายร่วมของ ธปท.และสมาคมธนาคารไทยที่ 1 แสนล้านบาท ภายในเดือน ตุลาคมนี้ โดยยอดสินเชื่อฟื้นฟูทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจน ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2564 มียอดรวมทั้งสิ้น 59,061 ล้านบาท ครอบคลุมลูกหนี้ 19,427 ราย คิดเป็นวงเงินเฉลี่ย 3 ล้านบาทต่อราย โดยสินเชื่อกระจายตัวได้ดีทั้งในแง่ของขนาด ประเภทธุรกิจและภูมิภาค โดย 46% กระจายไปยังผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขนาดเล็ก ที่มีวงเงินสินเชื่อเดิมไม่เกิน 5 ล้านบาท ขณะที่ 68% อยู่ในภาคพาณิชย์และบริการ และ 68% เป็นธุรกิจในต่างจังหวัด
ส่วนโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ พบว่า ข้อมูล ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2564 มีมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับโอน 941 ล้านบาท จากจำนวนผู้ได้รับความช่วยเหลือ 11 ราย เนื่องจากเป็นโครงการใหม่ ทั้งสถาบันการเงินและลูกหนี้ยังไม่คุ้นเคยกับลักษณะของโครงการ ทำให้ต้องใช้เวลาในการเจรจาหาข้อสรุปในเงื่อนไขต่างๆ เช่น ราคาตีโอน เงื่อนไขการเช่า ผู้ดูแลทรัพย์ และการซื้อคืน เป็นต้น
โดยปัจจุบันมีลูกหนี้จำนวนหนึ่งที่สถาบันการเงินอนุมัติในเบื้องต้นแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาข้อตกลงในรายละเอียด ประกอบกับลูกหนี้ยังรอการออกกฎหมายยกเว้นภาษีที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมให้มีผลบังคับใช้ คาดว่าจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการจะทยอยเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป โดย ธปท. เห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงหลักเกณฑ์ของโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ ที่ได้ถูกออกแบบมา โดยมีการหารือกับสถาบันการเงินและผู้ประกอบการมาโดยตลอด ดังนั้น ต้องให้เวลาทั้งสองฝ่ายเจรจาเงื่อนไขต่าง ๆ ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว
“ที่ผ่านมา ธปท. รับทราบปัญหาในประเด็นต่าง ๆ ของลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง และได้สื่อสารทำความเข้าใจเพิ่มขึ้น เช่น ผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องมีหลักประกันเพิ่มในการขอสินเชื่อฟื้นฟู เพราะมีกลไกการค้ำประกันโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย) นอกจากนี้ ก่อนการเจรจากับสถาบันการเงิน ผู้ประกอบการควรเตรียมความพร้อม อาทิ จัดทำแผนการดำเนินธุรกิจหรือแนวทางการปรับธุรกิจ ที่จะช่วยเพิ่มรายได้ในระยะข้างหน้า หรือประมาณการกระแสเงินสดที่จะเข้ามาในอนาคต เป็นต้น เพื่อเพิ่มโอกาสและความรวดเร็วในการที่จะได้รับสินเชื่อฟื้นฟูจากสถาบันการเงิน” นายจาตุรงค์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในกรณีลูกหนี้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ มีความกังวลว่าจะถูกยึดทรัพย์เมื่อครบกำหนดสัญญานั้น ในทางปฏิบัติ ลูกหนี้และเจ้าหนี้ต้องทำสัญญาเพื่อกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ร่วมกัน และทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ธปท. ได้เข้าไปร่วมพิจารณาสัญญาให้เป็นธรรมโดยการกำหนดถ้อยคำในสัญญามาตรฐาน และให้สถาบันการเงินที่ขอเข้าร่วมโครงการส่งสัญญาตีโอนให้ ธปท. พิจารณาก่อนที่สถาบันการเงินจะเข้าร่วมโครงการนี้ได้ โดยได้กำชับให้สถาบันการเงินเร่งรัดกระบวนการพิจารณา และหาข้อสรุปกับลูกหนี้โดยเร็ว รวมถึงสื่อสารทำความเข้าใจกับพนักงานสาขาในการให้ข้อมูลกับผู้ประกอบการได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น