AEONTS พุ่ง 6% โบรกฯมองกำไรปี 65 แตะ 4.11 พันลบ. รับสินเชื่อ – ศก.โต ชูเป้า 275 บ.

AEONTS พุ่ง 6% รับโบรกฯให้เป้า 275 บ. พร้อมมองกำไรปี65 แตะ 4.11 พันลบ. ด้วยสินเชื่อจะกลับมาขยายตัวและเศรษฐกิจดีขึ้น ทั้งปัจจัยบวกการปล่อยสินเชื่อผ่าน Digital platformในช่วงกลางปี64 รวมถึงรายได้ค่าบริการที่จะเพิ่มขึ้นและการร่วมลงทุนของ VGI-AEONTSHUMAN ยังคงแนะ “ซื้อ”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (6 ก.ค.64) ราคาหุ้นบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTSณ เวลา 12.18 น. อยู่ที่ระดับ 196.50 บาท เพิ่มขึ้น 11.50 บาท หรือ 6.22% โดยทำจุดสูงสุดที่ 198.50 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 190.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 468.92 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ก.ค. 64) โดยประเมินหุ้น AEONTSหลังจากบริษัทฯรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/2564/65 (ระหว่าง มี.ค.- พ.ค. 2564) ที่ 1.15 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 117% จากงวดเดียวกันของปีก่อนแต่ลดลง 3% จากไตรมาสก่อนซึ่งสูงกว่าที่ตลาดและทางฝ่ายวิจัยคาดโดยเพิ่มขึ้น 21% และ 17% ตามลำดับจากการรับรู้การกลับรายการส่วนแบ่งผู้ถือหุ้นส่วนน้อย (MI) เป็นกำไรอยู่ที่ 66 ล้านบาท จากที่คาดหักออก 49 ล้านบาท และวัดรายได้จากดอกเบี้ยของหุ้นกลุ่มสินเชื่อ (loan yield) ปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาดอยู่ที่ 20.40%

ด้านกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจาก 1) ค่าใช้จ่ายสำรองลดลง 49% จากงวดเดียวกันของปีก่อนภายหลังที่บริษัทฯไม่มีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเป็น Management Overlay เหมือนไตรมาส 1/2564/65 (ระหว่าง มี.ค.-  พ.ค. 2564) ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทฯมี Management Overlay คงเหลืออยู่ในระดับที่สูงถึง 1.0 พันล้านบาท และ (2) รายได้หนี้สูญรับคืนที่ดีขึ้น 31% จากงวดเดียวกันของปีก่อนตามการติดตามหนี้ที่เข้มงวด เพื่อชดเชยสินเชื่อที่หดตัว 2% จากงวดเดียวกันของปีก่อนจากผลกระทบ COVID-19 รอบ 3 ที่ทำให้การใช้จ่ายปรับตัวลงในขณะที่กำไรสุทธิทรงตัวจากไตรมาสก่อน

โดยเป็นผลมาจาก 1) ค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ลดลง 11% จากไตรมาสก่อนหรือ cost to income ปรับตัวลงเป็น 38% จากไตรมาส 4/2563/64 ระหว่าง  ธ.ค.63-ก.พ.64 อยู่ที่ 43% จากการชะลอกิจกรรมทางการตลาดเพื่อชดเชย (2) ค่าใช้จ่ายสำรองที่สูงขึ้น 39% จากไตรมาสก่อนเพื่อรองรับการปิดประเทศเมียนมาร์และการตัดจำหน่ายหนี้สูญที่เพิ่มขึ้นเป็น 1.68 พันล้านบาท จากไตรมาส 4 /2563/64 ระหว่าง  ธ.ค.63-ก.พ.64 อยู่ที่ 1.11 พันล้านบาท) ส่งผลให้ (3) NPLs ลดลงเป็น 5.7% จากไตรมาส 4 /2563/64  ระหว่าง ธ.ค.63-ก.พ.64  อยู่ที่ 5.8% ซึ่งปรับตัวลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ไตรมาส 4 /2561/62 (ระหว่าง ธ.ค.61-ก.พ.62  )

ทั้งนี้ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2565 (ระหว่าง มี.ค.2564 -ก.พ. 2565) ที่ 4.11 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหนุนโดย 1) สินเชื่อที่จะกลับมาขยายตัวดีขึ้นคาด 9% จากงวดเดียวกันของปีก่อนโดยเฉพาะครึ่งปีหลัง 2565 จากเศรษฐกิจที่ดีขึ้นทั้งในไทยและ CLMV ทำให้การใช้จ่ายและความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้นและเริ่มปล่อยสินเชื่อผ่านช่องทาง Digital platform (2) NPLs จะปรับตัวลงเป็น 5.30% ตามการติดตามหนี้ที่เข้มงวดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น(3) Credit Cost จะปรับตัวลงอยู่ที่ 629% จากปี 2654 ที่ 700% เนื่องจากไม่มีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเป็น Management Overlay รวมทั้งมีโอกาสที่จะ Reverse สำรองส่วนเกินได้และ (4) รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการจะขยายตัว 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อนตามการรับรู้รายได้การให้บริการแก่กิจการร่วมทุน VGI-AEONTSHUMAN

ขณะเดียวกันประเมินว่าบริษัทฯมีความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อที่ประเทศเมียนมาร์จำกัด เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯได้หยุดการปล่อยสินเชื่อในประเทศเมียนมาร์ตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่ผ่านมาและสินเชื่อมีขนาดที่ต่ำเพียง 0.60% ของสินเชื่อรวม รวมทั้งบริษัทฯได้มีการตั้งสำรองที่สูงคิดเป็นLLR/Loan มากกว่า 40%

อย่างไรก็ตามราคาเป้าหมาย 275.00 บาท อิงปี 2565 PBV ที่ 3.5 เท่าจากแนวโน้มผลการดำเนินงานปกติ (ไม่รวมกำไรจากการขายหนี้เสีย) ที่จะดีขึ้นในด้านสินเชื่อที่จะพลิกกลับมาขยายตัวตามความต้องการสินเชื่อที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจกลับมาดีขึ้นและได้รับปัจจัยบวกจากการเริ่มดำเนินงานปล่อยสินเชื่อผ่าน Digital platform ในช่วงกลางปี 2564และรายได้ค่าบริการที่จะเพิ่มขึ้นจากให้บริการติดตามหนี้และอื่นๆกับการร่วมลงทุนของ VGI-AEONTSHUMAN

 

Back to top button