พาราสาวะถี

แม้จะไม่ยอมรับแต่โดยดีทว่าการที่ออกมาบอกว่าเหตุผลที่รัฐบาลสืบทอดอำนาจยังคงเลือกที่จะซื้อวัคซีนซิโนแวคอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าประสิทธิภาพด้อยกว่าทุกยี่ห้อที่มีอยู่บนโลกใบนี้ เป็นเพราะหาซื้อตอนนี้และส่งมาทัน ส่วนตัวอื่นต้องรอ เป็นภาพสะท้อนได้อย่างเด่นชัดยิ่งว่า ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและคณะไร้วิสัยทัศน์และไม่ยอมรับฟังเสียงทักท้วงใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งที่มีการเตือนกันมาตลอดนานกว่า 1 ปี เรื่องการเตรียมความพร้อมของวัคซีนให้มากยี่ห้อเพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤติ


แม้จะไม่ยอมรับแต่โดยดีทว่าการที่ออกมาบอกว่าเหตุผลที่รัฐบาลสืบทอดอำนาจยังคงเลือกที่จะซื้อวัคซีนซิโนแวคอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าประสิทธิภาพด้อยกว่าทุกยี่ห้อที่มีอยู่บนโลกใบนี้ เป็นเพราะหาซื้อตอนนี้และส่งมาทัน ส่วนตัวอื่นต้องรอ เป็นภาพสะท้อนได้อย่างเด่นชัดยิ่งว่า ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและคณะไร้วิสัยทัศน์และไม่ยอมรับฟังเสียงทักท้วงใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งที่มีการเตือนกันมาตลอดนานกว่า 1 ปี เรื่องการเตรียมความพร้อมของวัคซีนให้มากยี่ห้อเพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤติ

ย้ำแล้วย้ำอีกการเลือกวัคซีนแบบแทงม้าตัวเดียวใช้ได้แค่สถานการณ์การระบาดในระลอกแรก ที่มีเชื้อโควิดแค่สายพันธุ์อู่ฮั่น แต่หลังจากการระบาดระลอกสองที่สมุทรสาคร น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจให้ผู้นำเผด็จการและบรรดาที่ปรึกษาสอพลอทั้งหลายได้ตระหนักว่า ควรที่จะต้องมีวัคซีนทางเลือกที่หลากหลายเพื่อเตรียมไว้ให้ประชาชนใช้รับมือกับการระบาดที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าจะกินเวลานานเท่าใดและขยายวงกว้างขนาดไหน ซึ่งในแวดวงทางการแพทย์ทั่วโลกต่างประเมินตรงกันคือระบาดหลายระลอกแน่

หากความจำไม่สั้นจนเกินไป อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่แก้ตัวจากคำพูดไข้หวัดกระจอก โดยบอกว่าเมื่อมีเชื้อโรคตัวใหม่เกิดขึ้นสิ่งที่ตัวเองนึกถึงคือวัคซีน คำถามสำคัญเวลานี้คือ แค่นึกอย่างเดียวโดยไม่ได้ขยับอะไรหรือทำได้แค่เลือกแทงม้าตัวเดียว หลับหูหลับตาฟังจากบรรดาที่ปรึกษาหรือมีใครที่มีอำนาจเหนือกว่าจนไม่อาจทัดทานได้ จนทำให้ประเทศไทยไม่ใช่แค่วิกฤติเรื่องโควิดเท่านั้น แต่ยังเจอวิกฤติวัคซีนด้วย

น่าหัวร่อกับท่วงทำนองของบรรดาผู้ทำหน้าที่กระบอกเสียงของศบค. เอาแต่รณรงค์กันโดยไม่ดูเท็จจริงบอกให้ลูกหลานในบ้านพาคนแก่ที่อายุ 60 ปีขึ้นไปเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ลืมตักน้ำใส่กะโหลกหรืออย่างไร คนเหล่านั้นมีความพร้อมกันมาตั้งแต่ก่อนวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมาแล้ว นี่ผ่านไปกว่า 1 เดือนที่ผู้นำเผด็จการประกาศปูพรมฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ทั้งประเทศ ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ มีแต่วัคซีนขาดและต้องเลื่อนการฉีดไปให้ประชาชนด่ากันขรม

จนกระทั่ง เปิดทางเลือกให้ประชาชนด้วยการจะซื้อวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดสมาฉีดฟรี แต่ก็มีคำถามที่ยังไร้ซึ่งคำตอบ วัคซีนที่ได้มาจะจัดสรรปันส่วนกันแบบไหน ประกาศกันให้ชัดเสียก่อนที่ของจะมาถึง เมื่อถึงเวลาจะได้ไม่โดนด่าและต้องแสดงกระบวนการทุกอย่างให้โปร่งใส ไร้ข้อครหา เพราะบรรดาวีไอพีทั้งหลายคือตัวการสำคัญที่ไปแย่งวัคซีนของประชาชนกลุ่มที่สมควรจะได้รับในอันดับต้น ๆ ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้านั้นเป็นอันเข้าใจตรงกันทั้งประเทศอยู่แล้วว่าจำเป็นต้องฉีด

ปัญหาของวัคซีนดังว่าไม่ได้จบแค่นั้น เพราะความตั้งใจเดิมของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและคณะทั้งหลาย อยากให้นำวัคซีนยี่ห้อนี้ไปฉีดในกลุ่มเยาวชนที่อายุ 12-18 ปี แต่คณะที่ปรึกษาของศบค.และส่วนของกระทรวงสาธารณสุขก็เห็นตรงกันแล้วว่า กลุ่มนี้ยังสามารถที่จะรอไว้ก่อนได้ ต้องนำไปฉีดให้กับบุคลากรด่านหน้าและประชาชนกลุ่มเสี่ยงก่อน สิ่งที่ต้องจัดการเพื่อตัดไฟแต่ต้นลมคือ จะใช้เป็นวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 หรือ Booster Dose หรือฉีดเป็นเข็มแรกก่อน

ประเด็นตรงนี้สำคัญ เพราะข้อมูลทางวิชาการยืนยันตรงกันและเห็นพ้องร่วมกันของฝ่ายแพทย์ วัคซีนที่ฉีดไปครบสองเข็ม โดยเฉพาะซิโนแวคสร้างภูมิคุ้มกันได้ระดับหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไปเต็มที่อาจจะ 6 เดือนถ้าไม่ได้ฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 สิ่งที่ฉีดไปแล้วอาจไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ยิ่งมาเจอโควิดกลายพันธุ์ ยิ่งจะทำให้ภูมิลดลงเร็วขึ้น นี่คือโจทย์ใหญ่ที่บรรดาคณะที่ปรึกษาทั้งหลายของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ต้องรีบตกผลึกว่าจะเอาอย่างไร ไม่ควรเนิ่นช้าเหมือนการตัดสินใจเรื่องวัคซีนไม่มีทางเลือก

วันนี้ที่ต้องลุ้นกันช่วงบ่ายน่าจะได้คำตอบจากการที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเรียกประชุมด่วนศบค.ชุดใหญ่ในช่วงเช้า โดยมีวาระพิจารณาที่สำคัญคือข้อเสนอจากที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินหรืออีโอซี ของกระทรวงสาธารณสุขเสนอให้มีการล็อกดาวน์หรือจะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่เสนอก็ชัดเจนแล้วว่า มาตรการครั้งนี้ จะมีความเข้มข้นเท่ากับหรือไม่น้อยกว่ามาตรการในเดือนเมษายน 2563 หรือการล็อกดาวน์ในการระบาดระลอกแรกนั่นเอง

ข้อเสนอที่กระทรวงสาธารณสุขชงไปนั้นคือ เรื่องการจำกัดการเดินทาง อยากให้ทุกคนอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ไม่ออกจากเคหสถานโดยไม่จำเป็น แต่จะให้ออกไปซื้ออาหาร พบแพทย์ ออกไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และจะมีการเสนอห้ามเดินทางข้ามจังหวัด การปิดสถานที่เสี่ยงทั้งหมด ปิดสถานที่ที่ไม่จำเป็นและสถานที่ที่จะมีคนไปรวมตัวทำกิจกรรมที่ไม่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะขอให้ปิด โดยจะให้เปิดได้ เช่น ตลาด ซูเปอร์มาร์เก็ต และสถานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ซึ่งกรมควบคุมโรคจะมีรายละเอียดออกมา

ประการสุดท้ายคือการเสนอให้ใช้มาตรการดังกล่าวในพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่กันชนเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้เสนอหลักการของพื้นที่ดังกล่าว และทางศบค.จะพิจารณาเพื่อลดการระบาดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้ระบบสาธารณสุขดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่มีความคาดหวังว่าเมื่อดำเนินการตามนี้โดยมีมาตรการฉีดวัคซีนเป็นตัวเสริม หากได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดีตัวเลขผู้ติดเชื้อจะค่อย ๆ ลดลงใน 2 สัปดาห์

ภาวนาขอให้เป็นเช่นนั้น ไม่ใช่การล็อกดาวน์แล้วเสียของ สิ่งที่จะต้องทำควบคู่กันกับการจำกัดการเดินทางของผู้คนไม่ใช่เรื่องการเยียวยา เพราะนาทีนี้รัฐบาลคงหมดปัญญาที่จะหาเงินมาดำเนินการเช่นนั้น สิ่งที่ต้องทำคือปูพรมตรวจหาเชื้อให้กับประชาชนทุกซอกทุกมุม เพื่อที่จะขีดวงของคนติดเชื้อและจำกัดการแพร่กระจายได้ คู่ขนานไปกับการหาโรงพยาบาลลักษณะฮอสพิเทลหรือศูนย์พักคอย เพื่อนำผู้ติดเชื้อออกมาจากชุมชนหรือที่บ้าน ถ้าเอาแต่มาตรการแล้วใช้วิธีการเดิม ๆ ทุกอย่างก็วกกลับมาจุดเดิมคือเจ็บแล้วไม่จบ ถ้าเช่นนั้นผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจควรต้องเลือกที่จะปิดฉากตัวเองไปเลยดีกว่า

Back to top button