GUNKUL วอลุ่มแน่น-บวก 4% รับแผนธุรกิจเด่น ตั้งเป้ารายได้ปี 65 ทะลุ 1 หมื่นลบ.

GUNKUL วอลุ่มแน่น-บวก 4% รับแผนธุรกิจเด่น ตั้งเป้ารายได้ปี 65 ทะลุ 1 หมื่นลบ. บุ๊กรายได้ธุรกิจกัญชง 1.5-2 พันลบ. ส่วนปี 66 ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 1.2 หมื่นลบ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(9 ก.ค.64)ราคาหุ้น บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)  หรือ GUNKUL ณ เวลา 15.46 น.อยู่ที่ระดับ 4.78 บาท บวก 0.18 บาท หรือ 3.91% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.93 พันล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2565 (ปีหน้า) อยู่ที่กว่า 1 หมื่นล้านบาท เทียบกับเป้ารายได้ปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่กว่า 9 พันล้านบาท หรือเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15-20% ต่อปี เนื่องจากในปีหน้าบริษัทจะทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจกัญชงอยู่ที่ประมาณ 1.5-2 พันล้านบาทต่อปี และจะรับรู้เต็มปีในปี 2566 ส่งผลเป้ารายได้ปี 2566 อยู่ที่ 1.1-1.2 หมื่นล้านบาท

โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าคิดเป็นประมาณ 50%, ธุรกิจงานรับเหมาและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) สัดส่วน 30% และธุรกิจเทรดดิ้งสัดส่วน 20% ของรายได้รวมทั้งหมด และในปี 2565 บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจกัญชงเข้ามาเสริม โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ธุรกิจกัญชงและกัญชาอยู่ที่ 25% ภายในปี 2565-2566

สำหรับธุรกิจไฟฟ้า ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตรวมที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 640 เมกะวัตต์ และตั้งเป้ากำลังการผลิตเพิ่มเป็น 1,000 เมกะวัตต์ ในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยยังขาดกำลังการผลิตอีกประมาณ 360 เมกะวัตต์ จะมาจากโครงการติดตั้งโซลาร์รูปท็อป 150 เมกะวัตต์ และการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม โรงไฟฟ้าพลังงานลม ทั้งในและต่างประเทศอีกประมาณ 200 เมกะวัตต์

ขณะที่บริษัทเตรียมงบลงทุนสำหรับปี 2564-2566 รวมอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น เงินลงทุนสำหรับธุรกิจไฟฟ้า 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ให้ได้ตามเป้าหมาย ส่วนที่เหลือจะเป็นเงินลงทุนในธุรกิจกัญชง 2 พันล้านบาท และธุรกิจ Built-to-Suit อีกประมาณ 3 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการเข้าควบรวม หรือซื้อกิจการ (M&A) ในประเทศไทย ที่คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 2564 อย่างแน่นอน รวมทั้งบริษัทได้ยื่นประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง จำนวน 2-3 โครงการ เป็นโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส ใช้พืชหมักและของเสียจากโรงงาน กำลังการผลิตแห่งละ 3-5 เมกะวัตต์ ขณะนี้ยังรอความชัดเจนจากทางภาครัฐ ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าในเวียดนาม ที่มีทั้งโซลาร์ฟาร์มและโรงไฟฟ้าพลังงานลม คาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ภายใน 2 ปีนี้

ส่วนธุรกิจ EPC ปัจจุบันมีงานในมือ (แบ็กล็อก) จำนวน 5.8 พันล้านบาท และในช่วงที่เหลือของปี 2564 ยังมีวงเงินต้องเข้าประมูลอีกประมาณ 2 หมื่นล้านบาท คาดหวังได้งานส่วนนี้อย่างน้อย 15% ดังนั้นคาดว่าในช่วง 6 เดือนถึง 1 ปี บริษัทจะมีแบ็กล็อกเพิ่มขึ้นเป็น 7-8 พันล้านบาท ส่งเสริมให้รายได้ของธุรกิจ EPC เติบโตขึ้นตามลำดับ โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 11-12%

นายสมบูรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าการดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับการปลูกและโรงสกัดกัญชง บริษัทเตรียมงบลงทุนปี 2564 ไว้ที่ 1,900 ล้านบาท แบ่งเป็นในช่วง 3 ปีแรก (ปี 2564-2566) เป็นงบลงทุนโรงเรือน 1,500 ล้านบาท ลงทุนโรงสกัด 300 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก 100 ล้านบาท

โดยคาดว่าจะเริ่มปลูกได้ต้นเดือนตุลาคมนี้ และเริ่มออกผลผลิตในช่วงปลายปีนี้ พร้อมสกัดและเริ่มออกจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 4/2564 ตั้งเป้าไว้ที่ 100 กิโลกรัมต่อวัน และเพิ่มเป็น 500 กิโลกรัมต่อวัน ในช่วงไตรมาส 2/2565 จากนั้นจะผลิตเต็มกำลังเป็น 1,100 กิโลกรัมต่อวัน ภายในไตรมาส 3/2565 ครบ หลังจากนั้นขึ้นอยู่กับการนำไปจำหน่ายทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ต่อไป

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนลงทุนซื้อกิจการธุรกิจแปรรูปกัญชง กัญชา ขั้นปลายน้ำ เพื่อต่อยอดธุรกิจแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อทำดีลซื้อกิจการขั้นปลายน้ำ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2564 โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท

Back to top button