พาราสาวะถี
ปล่อยให้ข้อเท็จจริงเป็นตัวตัดสินเองว่าการตัดสินใจตลอดจนการบริหารจัดการเรื่องวัคซีนของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายนั้นผิดพลาด ล้มเหลวหรือไม่ มติของที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติล่าสุด เรื่องการปรับวิธีการฉีดวัคซีนในส่วนของซิโนแวคโดยให้ฉีดเข็มแรกแล้วเข็มที่สองเป็นแอสตร้าเซเนกา เช่นเดียวกันกับคนที่ฉีดซิโนแวคไปแล้ว 2 เข็มจะต้องฉีดเข็มที่ 3 ด้วยแอสตร้าเซเนกา เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันสู้กับโควิดสายพันธุ์เดลต้าอินเดีย
ปล่อยให้ข้อเท็จจริงเป็นตัวตัดสินเองว่าการตัดสินใจตลอดจนการบริหารจัดการเรื่องวัคซีนของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายนั้นผิดพลาด ล้มเหลวหรือไม่ มติของที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติล่าสุด เรื่องการปรับวิธีการฉีดวัคซีนในส่วนของซิโนแวคโดยให้ฉีดเข็มแรกแล้วเข็มที่สองเป็นแอสตร้าเซเนกา เช่นเดียวกันกับคนที่ฉีดซิโนแวคไปแล้ว 2 เข็มจะต้องฉีดเข็มที่ 3 ด้วยแอสตร้าเซเนกา เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันสู้กับโควิดสายพันธุ์เดลต้าอินเดีย
กรณีของคนที่ยังไม่ได้ฉีดซิโนแวคครบสองเข็มคงไม่เป็นปัญหา เพราะที่ฉีดไปแล้วหนึ่งเข็มก็แค่รอเวลา 3-4 สัปดาห์เพื่อที่จะได้ฉีดเข็มที่สองเป็นแอสตร้าเซเนกา เช่นเดียวกันกับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ฉีดกันไปแล้วครบสองเข็มจากมติที่ประชุมดังกล่าวจะให้มีการฉีดเข็มที่ 3 หรือบูสเตอร์ โดส ให้ทันที ส่วนประชาชนทั่วไปที่ฉีดไปแล้วสองเข็ม ต้องรอกันต่อไปว่าจะได้รับการฉีดเมื่อใด แต่คงต้องเร่งดำเนินการ เพราะข้อมูลทางวิชาการยืนยันมาแล้วว่า ซิโนแวคที่ฉีดครบไปแล้วหลังผ่านไป 40 วันภูมิคุ้มกันจะลดฮวบทันที 50 เปอร์เซ็นต์
นั่นเท่ากับว่าคนที่ฉีดซิโนแวคไปแล้วครบทั้งสองเข็ม เวลาผ่านไปแค่เดือนเศษการฉีดตามความประสงค์ของรัฐบาลแทบไม่ได้สร้างประโยชน์ใดเลยให้กับผู้ที่ให้ความร่วมมือ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดวัคซีนยี่ห้อนี้ไปแล้วครบตามจำนวนจึงติดเชื้อกันจำนวนมาก ที่ประจานเหตุผลของการเดินหน้าจัดซื้อของรัฐบาลที่ว่า สามารถป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ ก็ไม่เป็นความจริงเมื่อพบว่ามีบุคลาการทางการแพทย์ที่ฉีดครบตามจำนวนแล้วติดโควิดเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 2 ราย
ขณะเดียวกัน ก็ต้องยอมรับความจริงกันเสียทีว่า วัคซีนที่จะสามารถป้องกันโควิดกลายพันธุ์ได้ดีนั้น ต้องเป็นวัคซีนชนิด mRNA แน่นอนว่าไม่ใช่เป็นเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อสู้กับโควิด-19 แค่เพียงปีสองปีมานี้ แต่วัคซีนชนิดนี้ผ่านกระบวนการศึกษาวิจัยและผลิตกันมาแล้วกว่า 20 ปีเพียงแต่ว่าเป็นการผลิตวัคซีนที่ใช้สู้กับโรคอื่น ดังนั้น จึงไม่ต้องไปหาเหตุผลอะไรมาหักล้างสิ่งที่บุคลากรทางการแพทย์พากันเข้าชื่อเรียกร้องวัคซีนชนิดนี้อีกต่อไป
สิ่งที่ต้องเร่งรีบทำเพื่อเป็นการแก้ตัวต่อการบริหารจัดการที่ผิดพลาดล้มเหลวคือ เร่งจัดหาวัคซีนชนิดนี้เข้ามาในประเทศให้ได้โดยเร็วที่สุดและปริมาณมากที่สุด โดยเฉพาะกับแอสตร้าเซเนกาที่ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตหนึ่งเดียวในย่านอาเซียน เราควรจะได้รับประโยชน์มหาศาลในแง่นี้ ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนต้องออกมาเรียกร้องหรือไปแสวงหาวัคซีนทางเลือกโดยไม่จำเป็น แต่ที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะต้องตอบคำถามและนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อประชาชนให้ได้ก็คือ คนที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคสองเข็มแล้วจะได้ฉีดบูสเตอร์ โดส เมื่อไหร่
สถานการณ์ที่เป็นอยู่เวลานี้ หากไล่เรียงลำดับความสำคัญบุคลากรด่านหน้า ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง จำเป็นที่จะต้องได้รับก่อน ตรงนี้ไม่มีใครเถียง แต่มุมที่จะต้องย้อนกลับไปคิดก็คือ ในพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรง หากไม่ฉีดให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม สุดท้าย กลุ่มที่มองว่าไม่จำเป็นต้องได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงโดยเร็ว หากติดเชื้อก็จะวกกลับไปที่การแพร่เชื้อภายในครอบครัวและชุมชน ซึ่งเป็นปัจจัยปัญหาสำคัญในพื้นที่สีแดงเข้มเวลานี้
สิ่งที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและคณะทั้งหลายต้องตระหนักเป็นอย่างยิ่งในเวลานี้ก็คือ ชุดข้อมูลที่ประชาชนได้รับนั้นมีมากพอที่จะมีผลต่อการตัดสินใจในการเข้ารับการฉีดวัคซีน ดังข้อกังวลที่ นายแพทย์มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ระบุไว้ หลังจากประชาชนรับทราบข้อมูลในด้านต่าง ๆ ที่มีความชัดเจนมากขึ้น ก่อให้เกิดปัญหาการปฏิเสธการฉีดซิโนแวคอย่างที่เกิดในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งตรงนี้เป็นเหตุผลที่เข้าใจได้
เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถหาวัคซีนทางเลือกอย่างโมเดอร์นามาฉีดเพิ่มเองเป็นบูสเตอร์ได้ ในขณะที่วัคซีนของรัฐที่ให้ประชาชนทุกคน ถูกจำกัดที่ 2 เข็มเท่านั้น จึงไม่แปลกใจที่ประชาชนเลือกจะเทนัดการฉีดวัคซีนของตนเองทันทีที่ทราบว่าจะได้ฉีดซิโนแวค เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่า ถ้าเลือกฉีดวันนี้ จะไม่มีทางได้แอสตร้าเซเนกาอีก โดยที่เป็นที่ยืนยันและรับกันอยู่ในทีแล้วจากมติของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติที่ออกมาว่าซิโนแวคสองเข็มเป็นสูตรที่ป้องกันโควิดไม่ได้
อย่างไรก็ตาม มาตรการเรื่องการฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อนั้น นายแพทย์มานพมองว่า ในช่วงที่ปริมาณวัคซีนแอสตร้าเซเนกายังไม่พอ และวัคซีนประสิทธิภาพสูงชนิดอื่นไม่ว่าจะเป็น ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ยังไม่มาเท่านั้น สิ่งที่เชื่อว่าประชาชนทุกคนต่างเห็นพ้องร่วมกันและรัฐบาลจะต้องทำก็คือ การหยุดสั่งซิโนแวคเพิ่มและเปลี่ยนไปจัดหาวัคซีน mRNA หรือวัคซีนอื่นที่ประสิทธิภาพสูง เช่น Novavax เป็นวัคซีนหลัก จึงจะเป็นการแก้ปัญหาระยะยาวที่เหมาะสมกว่า
นอกจากนี้ ประเด็นที่ต้องฝากให้หมอการเมืองทั้งหลายเลิกเอาใจหรือสอพลอฝ่ายกุมอำนาจได้แล้ว และหันมามองถึงความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยมุมมองของนายแพทย์มานพที่เสนอก็คือ รัฐบาลควรมีแนวทางบูสเตอร์ประชาชนที่ได้ซิโนแวคครบสองเข็มไปแล้ว เช่นเดียวกับคนที่ได้แอสตร้าเซเนกาแค่เข็มแรกไปแล้วว่าจะทำอย่างไร เพราะมาตรการซิโนแวคเข็มแรก เข็มสองต้องแอสตร้าฯ จะทำให้ความต้องการของแอสตร้าเซเนกาสูงขึ้นอีก ในขณะที่ปัจจุบันวัคซีนยี่ห้อนี้ยังคงไม่เพียงพอ
ตรงนี้แหละที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะต้องมอบหมายให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องชี้แจงให้กระจ่าง ไม่ใช่มีแค่มาตรการให้ประชาชนมีความหวังแต่ในทางปฏิบัติยังคงล้มเหลวไม่เป็นท่าเหมือนเดิม เพราะการประกาศปูพรมเร่งฉีดวัคซีนในพื้นที่สีแดงเข้มโดยเฉพาะในพื้นที่ 6 จังหวัด กลับมีข่าวกทม.เลื่อนฉีดวัคซีนไปอย่างไม่มีกำหนด และการผลิตวัคซีนแอสตร้าเซเนกาในไทยที่มีแผนจะได้เดือนละ 10 ล้านโดสตั้งแต่เดือนนี้แต่เอาเข้าจริงได้แค่ 5 ล้านโดสเท่านั้น ถ้านี่คือเรื่องจริงก็ไม่สมควรที่จะหน้าด้านอยู่กันอีกต่อไป