PTTGC ผนึก “Allnex” เสริมแกร่ง ชูกลยุทธ์ M&A ดัน “รายได้-กำไร” มั่นคง
PTTGC ผนึก “Allnex” ชูกลยุทธ์ M&A เสริมทัพดันรับรู้ “รายได้-กำไร” ทันที พร้อมขึ้นอันดับต้นด้านเคมีของโลก
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ได้เปิดเผยกับรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ว่ากรณีการเข้าไปซื้อธุรกิจ Allnex ใช้เงินประมาณ 1.50 แสนล้านบาท โดยใช้เงินสดและเงินกู้บางส่วนซึ่งไม่ได้มีการเพิ่มทุนแต่อย่างใด ซึ่งทางบริษัทฯมีเงินสดในมือสิ้นงวดตั้งแต่เดือนมีนาคมประมาณแสนล้านบาท และถึงเดือนมิถุนายนก็มีเพิ่มประมาณพอสมควร
เนื่องจากบริษัทฯได้ขายหุ้น บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ได้เงินประมาณ 25,000 ล้านบาท และมีเครดิตเทอมที่ทำกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ก็จะได้อีก 32,000 ล้านบาท ทั้งนี้รวมเงินสดในมือและจากการขายหุ้นรวมถึง DLG กับ PTT ก็เพียงพอ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ใช้เงินสดทั้งหมดนี้เข้าซื้อกิจการจึงต้องกู้เงินมาร่วมด้วย เนื่องด้วย Debt to Equity Ratio หรือ D/E Ratio ต่ำอยู่ประมาณ 0.30 เท่า หลังกู้ไปแล้วอาจสูงสุดก็ไม่เกิน 0.60 เท่า
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีเงินกู้ที่ PTT ให้กู้ระยะสั้น 2 ปี วงเงิน 74,000 ล้านบาท และยังมีเงินกู้จากธนาคารต่างๆอีกเยอะพอสมควร นอกจากนี้บริษัทฯได้ Allnex เข้ามาก็จะช่วยให้ผลประกอบการดีขึ้นรวมถึงปันผลก็จะดีขึ้นตาม โดย Allnex นั้นเป็นอันดับหนึ่งของโลกเกี่ยวกับสารเคลือบผิวซึ่งมีการเติบโตค่อนข้างดีปีละประมาณ 5% และดีต่อเนื่องแม้มีสถานการณ์โควิด
ทั้งนี้ Allnex มีโรงงานประมาณ 30 แห่งทั่วโลก และเป็นผู้นำด้านนี้ซึ่งจะสามารถช่วยให้บริษัทฯก้าวไปสู่เคมีภัณฑ์พิเศษหรือที่เรียกว่า Specialty Chemicalด้วยข้อดีคือ Earningและ Margin ค่อนข้างดี ส่วน EbitdaMargin นั้น 17 -19% โดยจะดึงตัว Ebitda Margin ของ PTTGC ขึ้นไปด้วยอาจสูงถึง 2 -3%
สำหรับการซื้อกิจการนั้นยังไม่ได้นับสินใน Valuationแต่ Synergyดีพอสมควร โดยทางบริษัทฯมีวัตถุดิบที่ Allnex ใช้ซึ่งจะสามารถนำไปต่อยอดได้จึงมี Synergyพอสมควร และ Synergy นั้นจะสร้าง Value ให้กับ Allnex หรืออาจจะกลับมาที่ PTTGC ด้วย
นอกจากนี้ PTTGC ในระดับโลกนั้นอาจจะโดดเด่นเรื่องความยั่งยืนแต่ในฐานะผู้เล่นเคมีอาจจะใหญ่สุดในทวีปเอเชีย ซึ่งการที่มี Allnex ร่วมด้วยนั้นจะทำให้ขยายเป็นอันดับต้นๆด้านเคมีของโลกอย่างแท้จริงและก็มี Operationประมาณ 30 -40 ประเทศ เพราะฉะนั้นจะสามารถลดความเสี่ยง ความผันผวนของความไม่แน่นอนแต่ละทวีปแต่ละประเทศมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม Allnexเกิดจากความควบรวมด้วย 2 บริษัท จนตอนนี้ใหญ่ขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่ง ซึ่งสินค้าที่ Allnex ใช้นั้นเป็นวัตถุดิบของ PTTGC
อนึ่ง PTTGC ยึดความเติบโตแบบยั่งยืนโดยผลิตภัณฑ์ของ Allnex นั้น 70% เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเทียบกับคู่แข่งจะอยู่แค่ 40% โดยถือว่ามีความสอดคล้องด้านธุรกิจที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งสำหรับทุกอย่างนั้นได้วางแผนไว้หมดแล้วแต่ยังไม่สามารถที่จะทำได้ เนื่องด้วยต้องทำ Closing ให้เสร็จภายในปีนี้ก่อน
“PTTGC ตั้งเป้าปี 2030 ต้องมี PerformanceChemical, Specialty Chemical,Green Chemical ที่ Advanceมากอยู่ที่ 25 – 30% คงจะต้องมีต่อไป แต่ดีลใหญ่แบบนี้ในปีนี้คงไม่มีแล้ว ซึ่งเราก็ยังติดตามอะไรที่ใกล้เคียงอยู่ที่เป็นธุรกิจเคมีระดับโลกที่เป็น Specialty อาจจะมีเรื่อยๆเพราะยังมีเวลา”ดร.คงกระพันกล่าว
ทั้งนี้ด้วยกลยุทธ์ในช่วงนี้ได้ทำ M&A เป็นส่วนมากและมีสภาวะตลาดประกอบซึ่งการไปซื้อบริษัทในช่วงนี้จะได้ราคาที่ดี เนื่องจากสถานการณ์โควิด อีกทั้งเมื่อซื้อแล้วสามารถมีรายได้และกำไรเข้ามาเลยซึ่งได้เข้ามาช่วยเสริมทัพในครั้งนี้
อย่างไรก็ดีบริษัทฯได้ไปเซ็นสัญญาที่ Phuket Sandbox เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาโดยภูเก็ตนั้นมีสถานการณ์ที่เรียบร้อย ปลอดภัยดี และทางฝ่ายจัดการรวมถึงผู้ขายอื่นๆก็ได้เข้ามาเซ็นสัญญากันที่นั่นอย่างลุล่วงด้วยดี