1 เดือนดี 8 เดือนแย่ โมนิก้าและทีมงาน
*จริงๆ “โมนิก้า” เป็นคนที่มีลักษณะนิสัยอ่อนโยน ชอบมองเรื่องต่างๆ เป็นโอกาสในการลงทุนเสมอ แต่บางครั้งก็ต้องทำตัวเป็นลู่ลมไปตามกระแส และไม่มีประโยชน์ที่จะฝืนธรรมชาติ เพราะยิ่งทำมากเท่าไหร่ ยิ่งเจ็บตัวมากขึ้นเท่านั้น สถานการณ์ของการลงทุนถึงหงอยเหงามากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยเต็มไปด้วยแรงเทขายทำกำไรที่ออกมาจ่อถึงหน้าบ้านไงล่ะค่ะ
*จริงๆ “โมนิก้า” เป็นคนที่มีลักษณะนิสัยอ่อนโยน ชอบมองเรื่องต่างๆ เป็นโอกาสในการลงทุนเสมอ แต่บางครั้งก็ต้องทำตัวเป็นลู่ลมไปตามกระแส และไม่มีประโยชน์ที่จะฝืนธรรมชาติ เพราะยิ่งทำมากเท่าไหร่ ยิ่งเจ็บตัวมากขึ้นเท่านั้น สถานการณ์ของการลงทุนถึงหงอยเหงามากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยเต็มไปด้วยแรงเทขายทำกำไรที่ออกมาจ่อถึงหน้าบ้านไงล่ะค่ะ
*งานนี้ไม่ต้องวิเคราะห์อะไรให้ปวดสมอง เพราะเมื่อมองดูเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี 58 แทบไม่มีเรื่องไหนที่ทำให้สบายใจเลยสักเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจ ตัวเลขผลประกอบการ หรือแม้กระทั่งตัวเลขดัชนี ล้วนมีแต่สถิติที่แย่ลงอย่างต่อเนื่อง จนประเมินภาพของดัชนีในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีไม่ออกแบบนี้ มันคุ้มค่าที่จะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอีกรอบเหรอตัวเอง
*ด้วยเหตุนี้กระมั้ง “โมนิก้า” ถึงต้องออกมาเม้าท์มอยเหตุการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มันมีตัวแปรอะไรบ้างที่ทำให้นักลงทุนรู้สึกอุ่นใจ หรือมีแต่เรื่องที่ทำให้รู้สึกแย่สุดๆ..ถ้าจำกันไม่ได้ เดี๊ยนขอเอ่ยปากเลยว่า เดือน ม.ค. เป็นเพียงเดือนเดียวที่หุ้นขึ้นอย่างจริงๆ จังๆ ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นจากฐาน 1,450 จุด ขึ้นไปทำจุดสูงสุด 1,620 จุด ชื่นใจกันสุดๆ เลยพะยะค่ะ
*น่าเสียดายที่ความสุขเกิดขึ้นแค่ประเดี๋ยวประด๋าว เพราะหลังจากนั้นดัชนีก็รูดลงมาเรื่อยๆ ในลักษณะ sideway down แต่ในระหว่างทางมีการเด้งขึ้นให้เห็นเป็นระยะ แต่สุดท้ายก็รูดลงไปทำนิวโลว์ของปีตลอดเวลา “โมนิก้า” ถึงสงสัยเหลือเกินว่า ทฤษฎีที่ว่ากันว่า ในแต่ละปีหุ้นขึ้น 4 เดือน อีก 8 เดือนลง มันยังจะใช้ได้ไหม? เพราะสิ่งที่เห็นมันค่อนไปในทางหุ้นน่าจะลงสัก 11 เดือน ขึ้นแค่ 1 เดือนนะซี
*วันนี้ถึงต้องนั่งทบทวนกันว่า 9 เดือนที่ผ่านมามีใครชนะตลาดได้บ้าง! ขนาดขาใหญ่ของตลาดหุ้นไทยยังร้องโอดโอย! ผู้จัดการกองทุนยังบ่นกันอุบ! ส่วนฝรั่งตาน้ำข้าวก็เปิดตูดแน่บ “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่วานนี้กองทุนทิ้งหุ้นออกมา 500 ล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้หนึ่งวันเพิ่งเข้าซื้อหยกๆ มันคือภาพที่ฟ้องว่า อีก 3 เดือนที่เหลือก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้วกระมั้ง!
*ขนาดวานนี้ดัชนีไปได้ดีตั้งแต่เปิดตลาด พร้อมกับวิ่งทะลุแนวต้าน 1,350 จุด ก่อนจะขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,356.62 จุด แต่ผ่านไปแค่ 10 นาทีกลับมีแรงเทขายออกมาเป็นระลอก จนดัชนีแกว่งตัวสะเปะสะปะ ก่อนจะจบลงด้วยการลงมาปิดที่ 1,349 จุด บวกไปแค่ 0.16 จุด ด้วยมูลค่า 3.54 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นไซเคิลที่ไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่ บวกกับเจอเส้น 10 วัน และ 25 วัน กดหัวไว้แบบนี้..มีโอกาสลงค่อนข้างสูงนะจ๊ะ
*คิดดูแล้วกัน! ขนาดหุ้นน้องใหม่JWD ประคองตัวเพื่อรอโอกาสกระชากขึ้นไปทำแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิม สุดท้ายกลับโดนถล่มจนร่วงลงมาปิดที่ 14.40 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลบไป 9.40% ด้วยมูลค่า 2 พันล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่บีบบังคับให้นักเล่นต้องทำตัวให้ไว เพื่อป้องกันการติดหุ้นบนยอดดอยอ่างขาง เพราะในช่วงหลังๆ หุ้นที่มีนักลงทุนสถาบันถือเป็นจำนวนมาก แทบเอาตัวมันไม่รอดสักรายเจ้าค่ะ
*ยกเว้นในรายของ TASCO กับ TIPCO เพราะทั้งสองราย “ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ” แถมบางวันก็พุ่งขึ้นแรงทั้งคู่ “โมนิก้า” จึงถือเป็นหุ้นที่แฟนคลับไม่ควรมองข้าม บวกกับช่วงนี้กำลังติดแนวต้าน 30 บาท กับ 15 บาท เท่ากับเป็นจุดวัดใจเหล่านักเล่นขาประจำ กล้าเล่นต่อกันอ่ะป่าว? รายแรกปิดวานนี้ที่ 29.50 บาท ลบไป 0.25 บาท ส่วนรายหลังปิดที่ 14.90 บาท บวกไป 0.60 บาท มันเป็นเกมที่ต้องคิดนะจะบอกให้
*เช่นเดียวกับในรายของนู๋ซ่า NUSA หุ้นอสังหาฯ สุดฮอตฮิตประจำเดือน ก.ย. ก่อนหน้านี้อาจกระชากขึ้นอย่างร้อนแรง แต่หลังจากนั้นก็รูดลงแรง ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.10 บาท บวกไป 0.07 บาท หรือขึ้นไป 6.80% ด้วยมูลค่า 300 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องคิดก่อนลุย เพราะก่อนหน้านี้เคยเชื่อว่า หุ้นทะยานต่อแน่ๆ สุดท้ายกลับแป้กไม่เป็นท่า จนต้องไปตั้งต้นใหม่ที่ 1 บาทนะซี
*ส่วนม้าตีนปลายอย่าง IVL ยังเป็นอะไรที่มองข้ามไม่ได้จริงๆ ทิศทางของหุ้นค่อนข้างชัดเจนในแต่ละรอบ บวกกับ 1-2 วันก่อนพยายามตั้งฐาน 22 บาท จู่ๆ วานนี้เด้งขึ้นมาปิดที่ 23 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่า 240 ล้านบาท เดี๊ยนขอเม้าท์ตามตรงว่า จังหวะนี้มีโอกาสเทกตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 24 บาทอีกรอบ หากผ่านไปได้รับรองฉลุย หากไปไม่ไหวก็แค่เริ่มต้นใหม่เท่านั้นเอง
*ทางด้านเสือซุ่มอย่าง ANAN ขอพ่อหนุ่มเจ้าสำราญรอบนี้ค่อนข้างมาดีกว่ารอบก่อนๆแรงซื้อมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนดัชนียกฐานสูงขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง 3.76 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท บวกไป 4% แถมเป็นการปิดที่ราคาสูงสุดในรอบ 5 เดือนแบบนี้ มีโอกาสวิ่งขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 4 บาทอีกรอบอย่างแน่นอน แต่มีข้อแม้ว่า ต้องวิ่งผ่าน 3.80 บาทไปให้ได้เสียก่อนนะจ๊ะ
*ตบท้ายกันที่ CPR หุ้นเก็งกำไรสุดโต่งที่ทำคนเจ็บตัวเยอะแยะไปหมดดีกว่า “โมนิก้า” ก็เคยเอ่ยปากเตือนแล้วเตือนอีก หากไม่มีความไวพออย่าเข้าไปเล่นเป็นอันขาด ก็พี่ท่านเล่นดันขึ้นไปถึง 11 บาท ต่อจากนั้นปล่อยให้ร่วงลงมาเรื่อยๆ แต่ก็มีการดันกลับเป็นพักๆ ขณะที่ล่าสุดปล่อยให้หุ้นรูดลงมาปิดต่ำสุดของวันที่ 7.65 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 7% ด้วยมูลค่า 91 ล้านบาท..แสดงว่า เจ้าออกของหมดแล้วแน่ๆ หุ้นถึงเสียทรงไปเลย