TOP ร่วง 9% โบรกแนะเลี่ยงลงทุน แผนเพิ่มทุนหมื่นลบ. ถือหุ้น “CAP” อินโดฯ 15% กดดันระยะสั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ณ เวลา 10.03 น. อยู่ที่ระดับ 43 บาท ลบ 4 บาท หรือ 8.51% สูงสุดที่ระดับ 43.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 42.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 574.37 ล้านบาท

โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้น TOP ปรับตัวลดลงวันนี้ คาดมาจากกรณีการประกาศซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ บริษัท Chandra Asri (CAP) ปิโตรเคมีประเทศอินโดนีเซีย มูลค่าการลงทุนประมาณ 1.2 พันล้านเหรียญฯ หรือ 4 หมื่นล้านบาท เพื่อถือหุ้น 15.38% ซึ่ง TOP จะกู้เงินจาก PTT, ขายหุ้น GPSC และออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อนำเงินมาลงทุนดังกล่าว คาดว่าการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน CAP จะแล้วเสร็จในกันยายน 2564

ด้าน บล.ทรีนีตี้ ประเมินว่า ระยะสั้นอาจจะมีแรงกดดันต่อราคาหุ้น TOP จากประเด็นที่จะต้องเพิ่มทุน และการ Investment ที่มีเงินลงทุนค่อนข้างสูง ในขณะที่ปัจจุบัน Interest bearing debt to equity ratio ของบริษัทอยู่ที่ 1.4 เท่า ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง แต่ในระยะยาวมองว่า Deal ที่ดี จาก

1) ทำให้ TOP สามารถขยายธุรกิจไปปิโตรเคมีที่เป็น Value chain ให้กับบริษัทได้โดย ส่ง Naphtha ที่จะได้เพิ่มจากโครงการ CFP ไปยัง CAP ได้

2) ประเมินว่า deal ไม่แพง ถึงแม้จะคิด Transaction/EBITDA ที่ 15 เท่า แต่ถ้าในอนาคตโครงการขยายกำลังผลิต CAP2 กว่าเท่าตัวสำเร็จ Transaction/EBITDA ก็จะปรับลดลงมาเป็น 8-9 เท่า ผลกระทบต่องบการเงินระยะสั้นจะทำให้ดอกเบี้ยของบริษัทเพิ่มขึ้นประมาณ 1 พันล้านบาท จาก Bridging loans และส่วนแบ่งรายได้จาก GPSC เดิมรับรู้เป็น Equity จะปรับเป็น Dividend Income (GPSC payout ratio อยู่ประมาณ 50%) ทำให้รายได้ที่ TOP จะได้ลดลงไปประมาณ 1.0-1.2 พันล้านบาท

ขณะที่ TOP จะได้ Equity จาก CAP ประมาณ 800-1,400 ล้านบาท (ยังไม่ได้ขยาย Capacity) ขึ้นอยู่กับช่วงของ Cycle ปิโตรเคมี เมื่อ สุทธิกันแล้วระยะสั้นผลกำไรของ TOP จะลดลง 800-1,200 ล้านบาท

โดยสรุประยะสั้นจะเป็นลบต่อราคาหุ้นจากการลงทุนที่ค่อนข้างมากทำให้ต้องบริษัทต้องมีการเพิ่มทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท คาดราคาเพิ่มทุนอาจจะอยู่ราว 40-45 บาท ด้วยอัตราส่วน 10 หุ้นเดิมต่อ 1.2 หุ้นใหม่ เบื้องต้นเราแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนในระยะนี้ก่อนจากประเด็นการเพิ่มทุน ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 60.00 บาท อิง Avg PBV ที่1 เท่า