พาราสาวะถี

มีผลวันนี้เพิ่มพื้นที่สีแดงเข้มจาก 13 จังหวัดเป็น 29 จังหวัด พร้อมด้วยการล็อกดาวน์ยืดยาวไปถึงสิ้นเดือนสิงหาคม ด้วยตัวเลขผู้ป่วยที่ไม่ลดและคนตายอยู่ในจำนวนใกล้แตะหลักสองร้อยรายทุกวัน แต่อย่างที่บอกมาตรการที่ออกมาเป็นแบบลักปิดลักเปิด จึงมีช่องไว้ว่าถ้าครบสองสัปดาห์หรือ 14 วัน ประเมินสถานการณ์กันแล้วดีขึ้น ก็อาจจะไม่ต้องล็อกดาวน์กันยาวนานหรืออาจมีการคลายล็อกกันได้บ้างก่อนถึงเวลา แต่ดูจากหน้าเสื่อไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น มีแต่ว่าจะเพิ่มจังหวัดสีแดงเข้มกันทั้งประเทศหรือไม่มากกว่า


มีผลวันนี้เพิ่มพื้นที่สีแดงเข้มจาก 13 จังหวัดเป็น 29 จังหวัด พร้อมด้วยการล็อกดาวน์ยืดยาวไปถึงสิ้นเดือนสิงหาคม ด้วยตัวเลขผู้ป่วยที่ไม่ลดและคนตายอยู่ในจำนวนใกล้แตะหลักสองร้อยรายทุกวัน แต่อย่างที่บอกมาตรการที่ออกมาเป็นแบบลักปิดลักเปิด จึงมีช่องไว้ว่าถ้าครบสองสัปดาห์หรือ 14 วัน ประเมินสถานการณ์กันแล้วดีขึ้น ก็อาจจะไม่ต้องล็อกดาวน์กันยาวนานหรืออาจมีการคลายล็อกกันได้บ้างก่อนถึงเวลา แต่ดูจากหน้าเสื่อไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น มีแต่ว่าจะเพิ่มจังหวัดสีแดงเข้มกันทั้งประเทศหรือไม่มากกว่า

ด้วยสติปัญญาของผู้นำประเทศที่มาจากเผด็จการสืบทอดอำนาจ สิ่งที่ถนัดคือการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน ไม่ใช่การกำจัดเชื้อโรคหรือช่วยประชาชนให้พ้นสภาพทุกข์เข็ญที่กำลังเผชิญ ใครนำเสนอความจริงแต่เป็นสิ่งที่ฝ่ายกุมอำนาจไม่ถูกใจ จะถูกตีให้เป็นข่าวปลอม เฟคนิวส์ได้ตลอดเวลา งานนี้สิ่งที่สมาคมวิชาชีพสื่อเรียกร้อง หรือแม้แต่การไปยื่นฟ้องศาลแพ่งให้มีการระงับคำสั่งดังกล่าวไม่ได้มีความหมายใด ๆ มันอยู่ที่ว่าผู้รับผิดชอบตามกฎหมายจะก้มหน้ารับใช้ผู้สั่งการหรือฟังเสียงประชาชน

ผู้ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวคือกสทช.ที่ได้แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า เป็นขี้ข้ารับใช้อำนาจเผด็จการคสช.ด้วยดีเสมอมา ด้วยการสั่งปิดสื่อหลายแห่ง โดยไม่ยึดโยงกับอำนาจของตัวเองที่มีงานนี้ลองถาม สุภิญญา กลางณรงค์ คนที่มีหัวโขนในตำแหน่งนี้ และลาออกไปก่อนหน้าว่าเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ การให้อำนาจขี้ข้าเผด็จการตีความได้จากข้อกำหนดที่ออกมาอย่างคลุมเครือนั้น ถามว่าไม่ใช่เจตนาที่จะปิดหู ปิดตา ปิดปากสื่อมวลชนและประชาชนอย่างนั้นหรือ

ข้อกำหนดที่ระบุว่า เรื่องการห้ามนำเสนอข่าวหรือข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว ถือว่า ไม่ชัดเจน คลุมเคลือ แม้จะเป็นความจริงก็อาจจะถูกตีความว่าทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวและเป็นความผิดทางอาญาได้ ยกตัวอย่าง การนำเสนอข่าวเรื่องผู้ป่วยเสียชีวิตในบ้าน หรือตายข้างถนน ข่าวเหล่านี้แน่นอนว่าสร้างความสลดหดหู่ เศร้า และเป็นข่าวที่น่ากลัว แต่เป็นความน่ากลัวที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของสถานการณ์และข้อเท็จจริง

แน่นอนว่า ในฐานะสื่อมวลชนก่อนการนำเสนอข่าวหรือภาพข่าวใด ๆ ย่อมต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนรายงาน และมีหน้าที่นำเสนอข่าวเพื่อช่วยเหลือประชาชน ผู้เดือดร้อน สำหรับสิทธิในการเข้าถึงการรักษา การที่ภาครัฐใช้กฎหมายเช่นนี้มาปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของประชาชน และปิดกั้นการรายงานของสื่อมวลชน จึงมองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากเป็นการปิดกั้นความจริงที่เกิดจากการบริหารงานผิดพลาด ล้มเหลวของตัวเองเท่านั้น

การดำเนินการในลักษณะเช่นนี้เหมือนเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ ขณะเดียวกัน ระหว่างความจริงที่สื่อมวลชนหรือประชาชนนำเสนอ ด้วยภาพและข้อมูลที่ปรากฏต่อสายตา มีประจักษ์พยานรู้เห็นกันจำนวนมากกรณีคนตายในบ้าน ตายกลางถนน กับข่าวสร้างภาพของฝ่ายรัฐโดยบางเรื่องมีความจริงเพียงครึ่งเดียวอย่างกรณีของวัคซีนที่จำนวนซึ่งประกาศออกไปกับที่หามาได้ ต่างกันอย่างสิ้นเชิงนั้น เช่นนี้จะเรียกว่าข่าวปลอม ข่าวโกหกหลอกลวงประชาชนหรือไม่

เช่นเดียวกันกับที่มีสื่อไปถามตัวแทนของภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ที่จับมือตัวแทนสื่อออนไลน์ไปร้องศาลแพ่งว่า หากศาลแพ่งมีคำสั่งให้เพิกถอนข้อกำหนดดังกล่าว แล้วมีคำสั่งฉบับใหม่ออกมาชัดเจนขึ้น เช่น ยกเว้นสื่อมวลชน จะพอใจหรือไม่ เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะถามอย่างยิ่ง เพราะเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญนั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะสื่อมวลชน ต้องยอมรับในโลกยุคใหม่การสื่อสารของประชาชนผ่านสื่อโซเซียลนั้น บางครั้งก็มีการนำเสนอข่าวได้ดีพื้นที่เหล่านี้ไม่ควรถูกปิดกั้น

เหมือนที่ ไมเคิล ฮีท อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ตอบคำถามสื่อในเรื่องนี้ว่า สหรัฐฯ สนับสนุนให้ผู้คนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แม้จะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ หรือการติเตียน รัฐบาลสหรัฐฯ เองก็เผชิญการวิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอด แม้คำวิจารณ์บางครั้งจะไม่สมเหตุสมผล แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ยังสนับสนุนให้คนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นต่อไป นี่คือความแตกต่างระหว่างประเทศที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง กับประเทศที่เป็นประชาธิปไตยใต้อุ้งตีนเผด็จการ

ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่อุปทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ให้ความเห็นต่อการบริจาควัคซีนอีก 1 ล้านโดสที่จะตามมาให้กับไทย ก็เหมือนเป็นการตบหน้าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่อับจนปัญญาในการจัดหายังไงชอบกล โดยระบุว่า ยังบอกไม่ได้ว่าจะบริจาควัคซีนยี่ห้อไหน ไม่รู้ว่าถึงเร็วสุดเมื่อไหร่ แต่ยืนยันว่า เป็นวัคซีนที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ” ทั้งนี้ สหรัฐฯ ผลักดันอย่างหนักเพื่อให้ได้จำนวนวัคซีนที่จะบริจาคเพิ่มให้กับทางการไทย เพราะสถานการณ์ในไทยอยู่ในภาวะวิกฤติอย่างมากในแง่ของการระบาด

เท่านี้ก็ชัดเจนแล้วว่า สิ่งที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอ้างมาตลอดว่าหลายประเทศชื่นชมไทยต่อการรับมือการระบาดนั้น มันแค่ระลอกแรกที่สถานการณ์ไม่รุนแรง แต่หลังระลอกสองเป็นต้นมามันคือบทพิสูจน์ การชี้วัดฝีมือในการบริหารจัดการอย่างแท้จริง ซึ่งคำตอบที่คนส่วนใหญ่ทั้งประเทศน่าจะมีอยู่ในใจคือ ไร้ประสิทธิภาพ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เวลานี้วัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับมาแล้ว 1.5 ล้านโดส ยังถูกวิจารณ์อย่างหนักต่อแผนการนำไปใช้ที่เปลี่ยนแปลงกันจนเกิดเป็นข้อกังขา

ไม่เพียงเท่านั้นยังเกิดประเด็นขาใหญ่เชลียร์รัฐบาล และมีหัวโขนเป็นที่ปรึกษาพ่อเมืองพิษณุโลกไปแสดงความกร่าง ขอรับวัคซีนเข็มสาม ท่ามกลางความงุนงงสงสัยของบุคลากรด่านหน้าในพื้นที่ที่ทำงานหนัก ไม่ว่าจะอธิบายมุมไหน มันย่อมสะท้อนกลับมายังวัคซีนไฟเซอร์ที่ส่วนใหญ่จะถูกนำไปเป็นบูสเตอร์โดสให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า จะมีการหายกลางทางเพื่อไปตอบสนองบรรดาวีวีไอพีทั้งหลายหรือไม่ ความจริงแบบนี้ถ้าประชาชนร่วมใจกันนำเสนอจะถือเป็นข่าวปลอม ข่าวน่ากลัวสำหรับผู้ที่ต้องการปิดปากประชาชนหรือไม่

Back to top button