ITELทะยานไม่หยุด! พุ่งอีก 13% ทะลุเป้า 4.80 บ. ลุ้นงบ Q2 โตแรง-เล็งย้ายเข้า SETก.ย.
ITEL ทะยานไม่หยุด! พุ่งอีก 13% ทะลุเป้า 4.80 บ. ลุ้นงบ Q2 โตแรง-เล็งย้ายเข้า SETก.ย. พร้อมวางเป้าดันรายได้แตะ 5 พันลบ.ในปี 68
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(3 ส.ค.2654) บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL ณ เวลา 15.51 น. อยู่ที่ระดับ 5.05 บาท บวก 0.57 บาท หรือ 12.72% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 897.53 ล้านบาท ราคาหุ้นนิวไฮรอบ 3 ปี 6 เดือน โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 5.15 บาท เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2561
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ ITEL (TP21F 4.8*) มองกำไรทั้งปีเติบโตสูง 40% จากทั้ง 3 ธุรกิจ (Data service, Data center, ธุรกิจติดตั้งโครงข่ายสื่อสาร) ซึ่งยังมี Backlog สูง 4.3 พันล้านบาทหนุนการรับรู้รายได้ปีนี้ 1.4-1.7 พันล้านบาท และ Margin โดยรวมยังอยู่ในระดับที่ดี โดยระยะสั้น ประเมินกำไรไตรมาส 2/2564 เพิ่มขึ้น เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, ทรงตัว เทียบไตรมาสก่อนหน้า และลุ้นการเข้าประมูลงานใหม่ด้าน Security ราว 2 งาน รวมทั้งงาน USO-TOT และงาน Course Online ช่วงมิ.ย. เป็นต้นไป จะเปิด Upside ให้ผลประกอบการ
ด้าน Valuation: ราคาหุ้นยังซื้อเก็งกำไรได้ บน PER 21F 16.7 เท่า ซึ่งไม่แพงเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 3 ปีข้างหน้าที่คาดโต +24%CAGR ส่วน Catalyst: เป็นอีกหุ้นงบไตรมาส 2/2564 และปี 2564 เติบโต ที่อยู่ในกระแส ดิจิตัลยุคปัจจุบัน และมีลุ้นเก็งกำไรจากการประมูลงานใหม่ๆ ในช่วงถัดจากนี้
ด้านนายณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ITEL เปิดเผยว่า การย้ายหลักทรัพย์ ITEL จากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายหลังจากคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้ยื่นเรื่องต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ
ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาเอกสารคาดว่าจะได้ความชัดเจนกลางเดือน ส.ค.64 และน่าจะย้ายเข้า SET ได้ในช่วงกลางเดือน ก.ย.หรือราววันที่ 14 ก.ย.64 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ ITEL ได้เข้าไปจดทะเบียนในตลาด mai ตั้งแต่ต้นทั้งนี้ การย้ายเข้าจดทะเบียนใน SET ถือเป็นบันไดขั้นที่หนึ่งเพื่อนำพาบริษัทเข้าใกล้เป้าหมายที่จะมุ่งไปสู่รายได้ 5,000 ล้านบาทในปี 68
ส่วนการเข้ามาถือหุ้นของ บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) โดยการซื้อบิ๊กล็อตจากบมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) เนื่องจาก MFC เล็งเห็นว่าบริษัทมีการเติบโตตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมา รวมไปถึงมีความชัดเจนของการเดินหน้าธุรกิจ New S-Curve ซึ่งสามารถจับต้องได้และมีงานรองรับ จึงเป็นปัจจัยให้เกิดความสนใจและเชื่อมั่น ประกอบกับ บริษัทยังคงยืนยันที่จะมุ่งไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ให้สำเร็จ จึงเชื่อว่าจะดึงดูดนักลงทุนสถาบัน หรือกองทุนอื่นๆ เข้ามาถือหุ้นของบริษัทเพิ่มเติมอีก ซึ่งปัจจุบันนักลงทุนสถาบันถือครองหุ้น ITEL คิดเป็นสัดส่วนราว 8-12% โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเห็นนักลงทุนสถาบันเข้ามาถือหุ้นเป็นเป็น 15% ในปี 65 ดังนั้น การย้ายเข้า SET จะเป็นผลบวกกับ ITEL มากขึ้น
นายณัฐนัย กล่าวอีกว่า สำหรับผลประกอบการในปีนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้รวมทั้งปีจะเติบโตเป็น 2,800 ล้านบาท เนื่องด้วยภาพรวมครึ่งปีแรกสามารถทำรายได้ ไปแล้วประมาณ 1,050 ล้านบาท ขณะที่ในครึ่งปีหลังก็คาดว่าจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก หรือมีรายได้ราว 1,500 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้ขณะนี้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ ส่วนที่เหลือจะมาจากธุรกิจ New S-Cure ที่ประกอบไปด้วย 4 เรื่อง ได้แก่ Drone และ Anti-Drone, การวิเคราะห์ข้อมูลทางโซเชียล, CCTV Analytic และ Tele of Everything โดยในปีนี้จะมีรายได้ราว 300-400 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15% ของรายได้ทั้งหมดในปีนี้
นายณัฐนัย กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทคาดว่ารายได้เติบโตจากงานโครงการต่างๆ ที่ได้มาในครึ่งปีแรกจะมีการทยอยส่งมอบงานให้กับลูกค้าในครึ่งปีหลัง เช่น งานแอนตี้โดรน (Anti-Drone) มูลค่าราว 550 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถทยอยส่งมอบในครึ่งปีหลังประมาณ 70-80% ของมูลค่ารวมทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะเข้าประมูลงานทั้งภาครับและเอกชนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ งานกล้อง CCTV Analytic, งาน
เดินสายไฟเบอร์ออฟติกส์ให้กับหน่วยงานการไฟฟ้า, โครงการ USO (เน็ตชายขอบของ TOT) และ โครงการพัฒนาทักษะสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Course Online) โดยคาดหวังว่าจะได้รับงานเพิ่มเข้ามาอีกประมาณ 2,100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าประมูลงานไปแล้ว 3 โครงการ มูลค่ารวมราว 800 ล้านบาท คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงปลายเดือน ก.ค.หรือต้นเดือน ส.ค.64 โดยมั่นใจว่าจะได้รับงานเข้ามาค่อนข้างสูง
ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมยื่นประมูลงานเพิ่มเติมอีกราว 10 โครงการ โดยคาดหวังจะได้รับงานประมาณ 4-5 โครงการ มูลค่ารวมราว 1,200 ล้านบาท ซึ่งงานที่จะยื่นไป ITEL มีความเชี่ยวชาญ รวมถึงเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับ New S-Curve ไม่ว่าจะเป็นงาน Drone และ Anti-Drone, การวิเคราะห์ข้อมูลทางโซเชียล และ Course Online เป็นต้น ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 3,179 ล้านบาท
โดยมีเป้าหมายเพิ่มงานเข้ามาอีก 2,100 ล้านบาท ซึ่งมีงานประมาณ 800 ล้านบาทที่จะรู้ผลภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ส่วนที่เหลือจะเข้าประมูลเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดหวังได้รับงาน 1,200 ล้านบาท ส่งผลให้ปีนี้งานในมือจะเพิ่มขึ้นมาสู่ระดับ 5,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังราว 1,500 ล้านบาท แบ่งเป็นงานเก่า 900 ล้านบาท และงานใหม่ที่คาดว่าจะได้เข้ามาเพิ่มเติม 2,100 ล้านบาทคาดจะรับรู้รายได้ราว 30% ในปีนี้