INTUCH ปันผล 1.23 บาท! GULF บุ๊คทันทีไตรมาส 3 ปีนี้ 1.14 พันลบ.
INTUCH ประกาศปันผล 1.23 บาท ขึ้น XD 17 ส.ค.นี้ กำหนดวันจ่าย 2 ก.ย.64 ด้าน GULF บุ๊คทันทีไตรมาส 3 ปีนี้ 1,137.79 ลบ. จากถือหุ้นจำนวน 925.03 ล้านหุ้น คิดเป็น 28.85% ของสิทธิออกเสี่ยงทั้งหมดของกิจการ
ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีที่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เดิมที่เข้าถือหุ้นสามัญของ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH จำนวน 606,878,314 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 18.93% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการก่อนหน้านี้
โดยช่วงก่อนหน้าจะเห็นว่า GULF มีการประกาศทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้น INTUCH จำนวน 2,599,720,233 หุ้น สัดส่วน 81.07% ราคาหุ้นละ 65 บาท ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน-4 สิงหาคม 2564 โดย ณ วันที่ 27 กรกฎาคม 2564 มีผู้แสดงเจตนาขายหุ้นจำนวน 318,154,616 หุ้น หรือ 9.92% เมื่อรวมกับหุ้นที่ถืออยู่เดิมจำนวน 606,878.314 หุ้น หรือ 18.93% ส่งผลให้ทาง GULF กลายเป็นถือหุ้นใน INTUCH รวมอยู่ที่ 925,032,930 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 28.85% ของสิทธิออกเสี่ยงทั้งหมดของกิจการ
เบื้องต้นจากการที่ INTUCH ประกาศจ่ายเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 หรือระหว่างงวดดำเนินงานวันที่ 01 ม.ค. 2564 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2564 ในอัตราหุ้นละ 1.23 บาท นั้น GULF ซึ่งถือหุ้นอยู่จำนวน 925.03 ล้านหุ้น จะได้รับเงินปันผลเป็นเงินสดจำนวน 1,137.79 ล้านบาท
ทั้งนี้คณะกรรมการ INTUCH มีมติให้กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล หรือขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 17 ส.ค. 2564 และกำหนดวันที่จ่ายปันผลในวันที่ 2 ก.ย. 2564
ดังนั้น GULF จะสามารถบันทึกเงินปันผลจาก INTUCH จำนวน 1,137.79 ล้านบาท ได้ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัจจัยสนับสนุนต่อการเติบโตของผลประกอบการได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังจากที่มีกำไรจากไตรมาสแรกของปีนี้ 2.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมากถึง 158% ต่างจากขาดทุนในระยะเดียวกันปีก่อน จากเงินปันผลงวดสิ้นปี 2563 ที่ได้รับจาก INTUCH ประมาณ 700 ล้านบาท (จากสัดส่วนเดิมซึ่งถือครองINTUCH ที่ 18.93%) และรับรู้รายได้ จากโครงการลม BKR2 ในเยอรมนี
ด้านผลประกอบการ งวดไตรมาส 2/2564 ของ INTUCH สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,812.97 ล้านบาท หรือ 0.88 บาทต่อหุ้น ทรงตัวจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,980.30 ล้านบาท หรือ 0.93 บาทต่อหุ้น ส่วนใหญ่มาจากการลดลงของส่วนแบ่งผลกำไรจากธุรกิจดาวเทียม และธุรกิจในต่างประเทศ และค่าใช้จ่ายบริหารที่เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายด้านกฎหมาย
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,473.58 ล้านบาท หรือ 1.71 บาทต่อหุ้น ทรงตัวจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,720.70 ล้านบาท หรือ 1.78 บาทต่อหุ้น ส่วนใหญ่เป็นผลจากการลดลงของส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากธุรกิจดาวเทียมและธุรกิจในต่างประเทศ
เนื่องจากในไตรมาส 2/2563 มีการรับรู้รายได้จากเงินชดเชยสุทธิกับการตัดจำหน่ายเงินจ่ายส่วนล่วงหน้าเป็นรายได้อื่น หากไม่รวมรายได้เงินชดเชยดังกล่าว ส่วนแบ่งผลกำไร (ขาดทุน) จากธุรกิจดาวเทียมและธุรกิจในต่างประเทศในปีนี้ลดลงจากปีก่อน ส่วนใหญ่เนื่องจากรายได้ที่ลดลง และค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายด้านกฎหมาย