AGE บวกแรง 4% โบรกฯเชียร์ซื้อเป้า 4.20 บ. ราคาถ่านหินพุ่ง-ลุยธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจร
AGE บวกแรง 4% โบรกฯเชียร์ซื้อเป้า 4.20 บ. ราคาถ่านหินพุ่ง-ลุยธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจร ปักธงรายได้ปีนี้โต 1.1 หมื่นล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(5ส.ค.64) ราคาหุ้นบริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ณ เวลา 10.27 น. อยู่ที่ระดับ 3.42 บาท บวก 0.18 บาท หรือ 5.56% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 35.83 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจถ่านหินนั้น คาดปริมาณยอดขายถ่านหินในปีนี้ยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยตั้งเป้ายอดขายที่ 5.5 ล้านตัน แบ่งเป็นยอดจำหน่ายในประเทศ 4.5 ล้านตัน และต่างประเทศ 1 ล้านตัน
ซึ่งเป็นผลจากภาพรวมการส่งออกในภูมิภาคกลับมาฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หนุนให้ความต้องการใช้ถ่านหินขยับเพิ่มขึ้นตามการใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม ประเทศไต้หวัน ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศจีน ส่งผลให้ทั้งปี AGE ตั้งเป้ารายได้รวมการเติบโตรายได้ไว้ที่ระดับ 11,000 ล้านบาท ตามแผนธุรกิจที่วางไว้
ขณะที่ AGE เดินหน้ากลยุทธ์แผนธุรกิจด้านโลจิสติกส์ เพื่อก้าวสู่การขนส่งด้านโลจิสติกส์ แบบครบวงจร ผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท เอจีอี เทอร์มินอล จำกัด และบริษัท เอจีอี ทรานสปอร์ต จำกัด ดังนั้น AGE จึงได้เดินหน้าลงทุนเต็มรูปแบบจากโอกาสการเติบโตของการขนส่งและโลจิสติกส์ ที่ยังมีอีกมาก เพื่อรองรับแผนการเติบโตของบริษัทในอนาคต
ทั้งนี้ AGE ได้มีการต่อยอดการลงทุนเพื่อเสริมศักยภาพการเติบโตและยั่งยืนในอนาคต โดยให้บริษัท เอจีอี เทอร์มินอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ AGE ได้ร่วมทุนกับบริษัท สุวรรณเกลียวทอง จำกัด จัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อบริษัท เอจีอี พอร์ตเซอร์วิส จำกัด เพื่อเข้าทำสัญญาเช่าศูนย์ธุรกิจการเกษตรจากชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย ท่าเรือ 3 ท่า และโกดังสินค้า 5 หลัง บนพื้นที่ทั้งหมด 31 ไร่ ที่อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีระยะเวลาการเช่า 3 ปี และดำเนินการต่ออายุการเช่าไปอีก 3 ปี ส่งผลให้ AGE มีท่าเรือรวมเป็น 6 ท่า จากเดิม 3 ท่า ช่วยหนุนให้ AGE สามารถรองรับปริมาณการขนส่งผ่านท่าเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 7 ล้านตันต่อปี จากปัจจุบันที่มีการขนส่งผ่านท่าอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านตันต่อปี
นอกจากนี้ AGE ยังเดินหน้าลงทุนขยายกองรถบรรทุกเป็นกว่า 100 คัน ในปี 2564 จากที่ปัจจุบันมีรถบรรทุกอยู่ 48 คัน และมีรถบรรทุกเป็นพันธมิตรผู้รับจ้างงานช่วง (Sub-contractor) อีก 400-500 คัน รวมถึงขยายกองเรือโดยการเช่าและการหากองเรือพันธมิตร Sub-contractor เพื่อเพิ่มปริมาณบรรทุกสินค้าเป็น 200,000 ตัน จากที่ปัจจุบัน AGE มีกองเรืออยู่ 36 ลำ ปริมาณการบรรทุกสินค้ารวมกว่า 100,000 ตัน เพื่อรองรับปริมาณการขนส่ง ทั้งถ่านหิน และสินค้าอื่น ๆ ได้เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน AGE ยังมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนด้านโลจิสติกส์ โดยการเพิ่มการขนส่งสินค้าในเที่ยวกลับมากขึ้น ด้วยการทำสัญญากับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อขนส่งสินค้าในกลุ่มทรายแก้วเพื่อผลิตขวด, กระดาษ, ไม้สับ, ขี้เลื่อย และกะลาปาล์ม เป็นต้น โดยจะหนุนให้รายได้จากธุรกิจการขนส่งโลจิสติกส์ ในปี 2564 เติบโตเพิ่มขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ขณะนี้ได้แนะนำ “ซื้อ” หุ้นของ AGE ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2564 ที่ 4.20 บาท โดยประเมินว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 คาดว่าจะเห็นการเติบโตก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ทั้งจากการดำเนินการเต็มที่ของท่าเรือใหม่ และธุรกิจจำหน่ายถ่านหินฟื้นตัวจากช่วงโลว์ซีซั่น รวมถึงการได้รับกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ จากการทำตลาดด้วยถ่านหินคุณภาพสูงมากขึ้น
ทั้งนี้ AGE เป็นผู้จัดจำหน่ายถ่านหินในลักษณะซื้อมาและขายไป ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยในปี 2564 ยอดขายจะมาจากลูกค้าในประเทศเป็นหลัก 3.81 ล้านตัน และลูกค้าต่างประเทศ 0.6 ล้านตัน ส่วนแหล่งถ่านหินส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งธุรกิจัดจำหน่ายถ่านหินคิดเป็นสัดส่วนรายได้ราว 90-95% ที่เหลือ 5-10% เป็นธุรกิจโลจิสติกส์ให้กับสินค้าเทกองแห้ง โดยมีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่รองรับการขนส่งครบถ้วนตั้งแต่ท่าเรือ 3 ท่า โกดัง และลานกองเก็บ 3 แห่ง รถบรรทุกเพื่อการขนส่งทางบก 51 คัน และเรือลำเลียง 36 ลำ เป็นกำลังการขนส่ง ณ สิ้นปี 2563 ประมาณ 3 ล้านตันต่อปี
ขณะเดียวกัน เดือน เม.ย. 2564 ทาง AGE เข้าซื้อสิทธิการเช่าท่าเรือเพิ่มจำนวน 3 ท่า ช่วยเพิ่มกำลังการให้บริการขนส่งเกินกว่าเท่าตัวไปเป็น 7 ล้านตันต่อปี มาพร้อมแผนการขยายกองรถบรรทุกอีก 50 คัน จึงคาดว่ารายได้ในส่วนนี้น่าจะประมาณ 658 ล้านบาท เติบโตได้ 89% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 หลังท่าเรือใหม่เริ่มดำเนินงานเดือน พ.ค. 2564 โดยจะเห็นการเร่งตัวของรายได้ในส่วนนี้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2564 เป็นต้นไป และชัดเจนขึ้นในไตรมาส 3/2564 หลังเปิดดำเนินการท่าเรือใหม่เต็มไตรมาส
นอกจากนี้ ยังได้ Sourcing ถ่านใหม่จากเหมืองออสเตรเลีย เข้ามาหนุนปริมาณความต้องการ (Volume) ต่างประเทศ โดยในปี 2564 คาดปริมาณจำหน่าย 5.5 ล้านตัน เติบโต 25% จากปี 2563 และคาดกำไรปกติ 406 ล้านบาท เติบโต 98% จากปี 2563 ที่มีกำไรปกติ 205 ล้านบาท ขณะเดียวกันจะมีอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E) 9.12 เท่า ลดลงจากปี 2563 ที่ 15.62 เท่า