DCC พุ่ง 5% โบรกฯมองกำไร Q2 ทรงตัว 429 ลบ. แนะ “ถือ” ลุ้นปันผล 0.047 บ.

DCC พุ่ง 5% โบรกฯแนะ “ถือ” ลุ้นปันผล 0.047 บ. มองกำไร Q2 ทรงตัวแตะ 429 ลบ. จาก Low Season, วันหยุดยาว และโควิด ซึ่งชดเชยได้ด้วยการปรับเพิ่มราคาขาย และ Product Mix จากกระเบื้องขนาดใหญ่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (5 ส.ค. 2564) ราคาหุ้น บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC ณ เวลา 16.15 น. อยู่ที่ระดับ 3.36 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท หรือ 5.00% โดยทำจุดสูงสุดที่ 3.38 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 3.16 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 282 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ก.ค. 2564) โดยประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 429 ล้านบาท ลดลง 13% จากไตรมาสก่อน และลดลง 3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตาม ยอดขายที่คาดลดลงเป็น 2.18 พันล้านบาท ซึ่งลดลง 10% จากไตรมาสก่อน และลดลง 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากช่วง Low Season ที่เป็นฤดูฝน, วันหยุดยาว และผลกระทบการแพร่ระบาด COVID-19 ระลอก 3
โดยเฉพาะช่องทางหลักอย่างตัวแทนจำหน่ายที่ลดลง 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หลังชะลอการสั่งซื้อเพื่อลดความเสี่ยงสต๊อกสินค้า

ขณะที่แม้ต้นทุนราคาก๊าซซึ่งคิดเป็น 30% ของต้นทุนรวมสูงขึ้น 8 – 12 บาทต่อ MMBTU จากไตรมาส 1/2564 ที่ 220 บาท และไตรมาส 2/2563 ที่ 208 บาทต่อ MMBTU แต่ถูกชดเชยได้ด้วยการเน้นขายกระเบื้องขนาดใหญ่ที่มาร์จิ้นสูงและทยอยปรับเพิ่มราคาขาย 3 – 5 บาทในแต่ละสินค้า ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นคาดทรงตัวดี 43%

ทั้งนี้หากไตรมาส 2/2564 ตามคาด กำไรครึ่งแรกปี 2564 จะคิดเป็น 54% ของคาดการณ์ทั้งปี ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 3/2564 คาดชะลอตัวจากไตรมาสก่อนตามทิศทางยอดขายจากเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ถูกกดันจากการแพร่ระบาด COVID-19 ที่รุนแรง และมาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่ 10 ก.ค.เป็นเวลา 14 วัน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดยังทรงตัวที่ระดับ 42.50 – 43.50% จากผลของการปรับเพิ่มราคาขาย และ Product Mix รวมถึงประหยัดดอกเบี้ยจ่าย หลัง DCC-W1 ที่ครบกำหนดใช้สิทธิในวันที่ 7 พ.ค. มีผู้ใช้สิทธิ 926.67 ล้านหุ้น และได้รับเงินราว 1,065 ล้านบาทไปชำระหนี้เงินกู้

นอกจากนี้การที่ปิดแคมป์ก่อสร้างในกทม.และปริมณฑล ตั้งแต่ 28 มิ.ย. เป็นเวลา 30 วัน กระทบจำกัดเนื่องจากยอดขายหลักอยู่ในต่างจังหวัด ส่วนในพื้นที่กทม.คิดเป็น 15% ของยอดขายรวม โดยมีเพียง 9 สาขาจาก ทั้งหมด 203 สาขา แต่จะเป็นลบต่อความต้องการของลูกค้าโครงการอสังหาฯที่หยุดก่อสร้าง ทั้งนี้คงประมาณการกำไรปี 2564 ที่ 1.65 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยคงราคาเหมาะสมปี 2564 ที่ 3.30 บาท (อิงค่า PER 18 เท่า) ราคาปัจจุบันมี Upside จำกัด บวกกับกำไรผ่านจุดสูงสุดไปแล้วในไตรมาส 1/2564 จึงคงคำแนะนำถือรับปันผล โดยคาดไตรมาส 2/2564 จ่ายปันผล 0.047 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Yield 1.50% บนสมมติฐาน Payout 100% และคาดอัตราผลตอบแทนปันปี 2564 – 2565 สูง 5.60 – 5.80% ต่อปี ทั้งนี้บริษัทฯ จะประกาศงบไตรมาส 2/2564 วันที่ 9 ส.ค. 2564 โดย Key Catalyst คือ COVID-19 คลี่คลาย หนุนกำลังซื้อและความเชื่อมั่นการลงทุนฟื้นตัว ส่วน Key Risk คือ COVID รุนแรงและล็อกดาวน์ยาวกว่าคาด รวมถึงต้นทุนก๊าซ, ขนส่ง และวัตถุดิบสูงขึ้น

 

Back to top button