วิธีคิดแปลก ๆ
เหลืออีก 72 วันจะครบ “120 วันเปิดประเทศ” เอาในวันที่ 15 ต.ค. 2564 ยังจะต้องฉีดวัคซีนอีก 81,961,703 ล้านโดส หรือเฉลี่ยวันละ 1,125,531.9 ล้านโดส แต่นี่ยอดฉีดล่าสุด ณ 4 ส.ค.แค่ 383,607 โดสเอง
เหลืออีก 72 วันจะครบ “120 วันเปิดประเทศ” เอาในวันที่ 15 ต.ค. 2564 ยังจะต้องฉีดวัคซีนอีก 81,961,703 ล้านโดส หรือเฉลี่ยวันละ 1,125,531.9 ล้านโดส แต่นี่ยอดฉีดล่าสุด ณ 4 ส.ค.แค่ 383,607 โดสเอง
จำนวนคนรับวัคซีนเข็มที่1 ยังแค่ 14,783,001 คิดเป็นร้อยละ 22.33 ของประชากรเอง ยังไม่ถึงครึ่งของเป้าหมายร้อยละ 50 ในห้วงเวลาที่เหลืออีก 72 วันเท่านั้น
นี่ขนาดมีเสียงเรียกร้องกระหึ่มให้รัฐเร่งจัดหาวัคซีนคุณภาพดีมาตั้งแต่ต้นปีแล้วนะ รัฐบาลยังคลานต้วมเตี้ยมได้แค่นี้ สถานการณ์โควิดเลวร้ายลงทุกวัน
มาตรการล็อกดาวน์ที่เพิ่มความเข้มข้นขึ้นทุกที กลับใช้ไม่ได้ผล สถิติผู้ป่วยและการเสียชีวิต พุ่งพรวดพราดสวนทาง ก.ก.ร. 3 สถาบันเอกชนประเมิน เศรษฐกิจพังพินาศถึงเดือนละ 4 แสนล้านบาทจากมาตรการ และปรับลดประมาณการจีดีพีจะติดลบ 1.5-0.0%
มันต้องมีกระบวนการความคิดชี้นำของผู้บริหารสถานการณ์โควิดที่ล้าหลังและหลงทิศผิดทางสิน่า ถึงได้เกิดผลลัพธ์เลวร้ายทางการบริหารจัดการเช่นนี้
คิดได้ไงอ่ะ! สั่งซื้ออาหารในห้าง แต่หิ้วกลับบ้านเองไม่ได้ ต้องผ่านระบบดิลิเวอรี่ ให้ไรเดอร์มารับไปส่ง ต้องเสียเงินค่าส่งให้ไรเดอร์เพิ่มขึ้นอีก ขณะที่ซื้ออาหารนอกห้างตามร้านข้างถนนหรือตึกแถว ลูกค้ารับจากมือแม่ค้า หิ้วกลับบ้านเองได้เลย ไม่ต้องผ่านระบบดิลิเวอรี่
นี่มันต่างกันตรงไหนเนี่ย คนปกติธรรมดา คิดไม่ได้อย่างนี้นะเนี่ย ยากจะเข้าใจเค้า (คนคิด) จริงๆ!
เรื่อง “โฮม ไอโซเลชั่น” จะเรียกว่า “ให้ไปตายที่บ้าน” ก็ดูจะหนักไป แต่ดูไปแล้ว เหมือนกับให้ไปดิ้นรนรักษาตัวเองตามยถากรรมอยู่ที่บ้านมากกว่า เพราะยาก็ไม่มีให้ แถมคำแนะนำการรักษาก็ไม่มี
ถ้าเป็น “โฮม ไอโซเลชั่น” ที่มีประสิทธิภาพจริง ก็คงจะไม่เกิดปรากฏการณ์ติดเชื้อโควิดยกทั้งบ้านถึง 25 คนหรอก ความจริงอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ ควรนักหรือจะปกปิดตามแนวทางรัฐบาลเอาไว้
ยาฟาวิพิราเวียร์ อันเป็นตัวยาสำคัญในการรักษาโควิด แทนที่ผู้ป่วยจะได้รับแจกไปรับประทานก่อน ขณะรอเตียง-รอหมอ แต่กลับกลายเป็นว่า ต้องรอ “เชื้อลงปอด” เสียก่อนถึงจะจ่ายยาได้
จึงมีผู้เสียชีวิตมากมายเกินกว่าเหตุ ซึ่งหากได้รับยาเสียแต่เนิ่น ๆ โรคร้ายก็อาจบรรเทาลง หรือตัวยาอาจช่วยหยุดเชื้อได้จนคนไข้หายเองได้
จริง ๆ แล้ว ผู้ป่วยที่เข้าโครงการ “โฮม ไอโซเลชั่น” ก็ควรได้รับยาฟาวิฯ มารับประทานตั้งแต่วันแรก ทำไมต้องรอให้เชื้อลงปอดเสียก่อนด้วยเล่า
นี่มันเป็นระเบียบราชการเลยทีเดียวว่า คนไข้ต้องมีอาการวิกฤตเสียก่อน ถึงจะให้ยา “ฟาวิพิราเวียร์” ได้ โธ่ถัง! ทำไมต้องรอ ทำไมไม่คิดกลับกันบ้างล่ะว่า ถ้าคนไข้ได้รับยาดีก่อนเชื้อลงปอดเสียก่อน ก็จะทำให้อัตราการหายและอัตราการตาย ลดน้อยลงไปกว่านี้เป็นอันมาก
ไม่ต้องไปสร้างภาระคนป่วยล้นเตียง คนนอนรอความตายอยู่ที่บ้านและตามถนนรนแคม ประจานความล้มเหลวของระบบสาธารณสุขไทยเช่นทุกวันนี้
เอาแต่ล็อกดาวน์–ไม่เร่งฉีดวัคซีน ไม่เร่งตรวจหาเชื้อโควิด ก็ไม่รู้จะล็อกกันไปทำไมให้เศรษฐกิจพังพินาศ คนตกงาน นอนรอความตาย การแพร่ระบาดของโควิดในแหล่งสาธารณะก็ไม่ลด แถมยังแพร่ระบาดสู่ครัวเรือน
ฐบาลจะดันทุรังล็อกดาวน์ให้คนหมดเนื้อหมดตัวไปทำไม วัคซีนที่เป็นความสำคัญลำดับต้น ทำไมไม่เร่งฉีด มีแต่คำคุยโม้โอ้อวด และคำแถแก้ตัวมาตลอด ทั้งนายกฯ ตู่ และรมต.หนูน่ะ
จนป่านนี้ รู้หรือยังล่ะว่า ทำไมคนถึงขับไล่กันทั้งบ้านทั้งเมือง