DOHOME พุ่งแรง 6% รับกำไร Q2 ดีเกินคาด โบรกฯแนะ “ซื้อ” เป้า 34 บ.
DOHOME พุ่งแรง 6% อานิสงส์กำไร Q2 ดีเกินคาด หลังคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและยอดขายจากสาขาเดิมเติบโตได้ดี โบรกฯแนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 34 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (17 ส.ค. 2564) ราคาหุ้นบริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME ณ เวลา 15.51 น. อยู่ที่ระดับ 27.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 5.77% โดยทำจุดสูงสุดที่ 28.00 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 25.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 364.87 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ส.ค.2564) โดย DOHOME ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาซึ่งกำไรสุทธิของ DOHOME ในไตรมาส 2/2564 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 601 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 311% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสก่อน ดีกว่าประมาณการของทางฝ่ายวิจัย 9% และดีกว่า Bloomberg Consensus 4% จากอัตรากำไรขั้นต้นส่งผลให้กำไรสุทธิในงวดครึ่งปีแรก 2564 อยู่ที่ 1.10 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 254% จากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 62% ของประมาณการกำไรปีนี้ของทางฝ่ายวิจัย
ทั้งนี้ยอดขายของ DOHOME ในไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 6.40 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน ทำให้ยอดขายในงวดครึ่งปีแรก 2564 อยู่ที่ 1.25 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 55% ของประมาณการกำไรปีนี้ของทางฝ่ายวิจัย ส่วนการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 23.60% จาก 0.40% ในไตรมาส 2/2563 และ 22.50% ในไตรมาส 1/2564 ทำให้ SSSG ในงวดครึ่งปีแรก 2564 อยู่ที่ 23% ดีกว่าสมมติฐานปีนี้ของทางฝ่ายวิจัยที่ 12% อีกทั้ง DOHOME ได้เปิดสาขาใหม่ในรูปแบบ Size L 1 สาขา (ที่บ่อวิน) ในไตรมาส 2/2564 ทำให้จำนวนสาขาร้านทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 26 ร้าน (Size XL&L 14 ร้าน / To Go 12 ร้าน)
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นของ DOHOME นั้นได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ในไตรมาส 2/2564 ที่ 22.70% จาก 14.70% ในไตรมาส 2/2563 และ 21.70% ในไตรมาส 1/2564 ดีกว่าประมาณการไตรมาส 2/2564 ของทางฝ่ายวิจัยที่ 22.00% เนื่องจากอัตรากำไรเพิ่มขึ้นในทุกหมวดสินค้า, บริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้า House Brand สูงขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในงวดครึ่งปีแรก 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 22.20 ซึ่งเพิ่มขึ้น (7.2ppts จากงวดเดียวกันของปีก่อน) เกินกว่าสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ของทางฝ่ายวิจัยที่ 21.40% ไปแล้ว
ขณะเดียวกันถึงแม้ว่าผลประกอบการไตรมาส 2/2564 จะออกมาดีเกินคาด แต่ทางฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปีนี้เอาไว้เท่าเดิม เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนจาก COVID-19 ในปัจจุบันอยู่ โดยในขณะนี้มีสาขา size L 2 ร้าน จากทั้งหมด 14 ร้าน และ สาขา To go 7 ร้านจากทั้งหมด 12 ร้านที่ต้องปิดบริการชั่วคราว ดังนั้นทางฝ่ายวิจัยจึงปล่อยผลประกอบการที่ออกมาดีเกินคาดไว้เป็น Cushion สำหรับมาตการ Lockdown บางส่วนไปก่อน อย่างไรก็ดียังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 34.00 บาท อิงจาก PER ที่ 38.00 เท่า