MINT บวก 4% รับงบ Q2 ดีกว่าคาด ลุ้นธุรกิจโรงแรม – ร้านอาหารยุโรปหนุนผลงาน Q3 สดใส
MINT บวก 4% รับงบ Q2 ดีกว่าโบรกฯคาดไว้ 35% ลุ้นธุรกิจโรงแรม – ร้านอาหารยุโรปหนุนผลงาน Q3 สดใส จากสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนของโรงแรมในยุโรปและมัลดีฟส์ แนะ “ซื้อ” เป้า 37 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (18 ส.ค. 2564) ราคาหุ้นบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ณ เวลา 14.57 น. อยู่ที่ระดับ 32.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 4.07% โดยทำจุดสูงสุดที่ 32.25 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 30.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 624.25 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ส.ค.2564) หากไม่รวมรายการพิเศษ (เช่น กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 209 ล้านบาท และผลขาดทุนจากการปรับโครงสร้างหนี้ 737 ล้านบาท) MINT จะมีผลขาดทุนปกติ 3.40 พันล้านบาทในไตรมาส 2/2564 เพิ่มขึ้น 53% จากงวดเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาสก่อน ซึ่งดีกว่าประมาณการของทางฝ่ายวิจัย 35% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจโรงแรมดีเกินคาด
โดยรวมแล้วรายได้จากธุรกิจโรงแรมปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 304% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 50% จากไตรมาสก่อน เป็น 7.40 พันล้านบาท จากผลการดำเนินงานของโรงแรมในยุโรปที่เริ่มฟื้นตัว ในขณะที่รายได้จากธุรกิจร้านอาหารยังคงทรงตัวจากไตรมาสก่อน เพราะถูกฉุดโดยธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 65% ของรายได้จากธุรกิจร้านอาหารทั้งหมดของ MINT
อย่างไรก็ตามธุรกิจร้านอาหารยังทำกำไรได้ในไตรมาส 2/2564 และการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในประเทศจีน และออสเตรเลียยังช่วยลดผลกระทบฝั่ง Downside ทั้งนี้ผลขาดทุนปกติในงวดครึ่งปีแรก 2564 คิดเป็น 58% ของประมาณการทั้งปีของทางฝ่ายวิจัย
ขณะเดียวกันรายได้ต่อห้อง (RevPar) ในไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 739 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 413% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 78% จากไตรมาสก่อน เนื่องจาก OCC เพิ่มขึ้นเป็น 23% ในไตรมาส 2/2564 จาก 14% ในไตรมาส 1/2564 และ ARR เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสก่อน โดยผลการดำเนินงานของโรงแรมในประเทศไทยยังคงซบเซาจากไตรมาสก่อนเพราะถูกกดดันจากสถานการณ์ COVID-19 ที่รุนแรงมากขึ้น ในขณะเดียวกันผลการดำเนินงานของโรงแรมในยุโรปฟื้นตัวดีขึ้น โดย Occupancy ในไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 23% จาก 14% ในไตรมาส 1/2564 และ RevPar โตถึง 353% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 93% จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ยุโรปได้ยกเลิกข้อจำกัดในการคุม COVID-19 ไปหลายด้านแล้วในไตรมาส 2/2564
ด้านการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) เพิ่มขึ้นเป็น 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว โดยผลการดำเนินงานของร้านอาหารในประเทศไทยยังคงซบเซา (SSSG: -13.60%) ในขณะที่ธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีน และออสเตรเลียยังมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ดีกว่าในประเทศไทย
อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการของ MINT มีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนในไตรมาส 3/2564 จากสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนของโรงแรมในยุโรป (ประมาณ 70% ของรายได้จากธุรกิจโรงแรมของ MINT) และมัลดีฟส์ (2% ของรายได้จากธุรกิจโรงแรม) ยังคงแนะนำ “ซื้อ” และประเมินราคาเป้าหมายที่ 37.00 บาท อิงจาก EV/EBITDA ปี 2565 ที่ 16.90 เท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว +0.5S.D.