SSI ยอมรับไตรมาส 3 ขาดทุนอ่วมหลังยุบโรงงาน SSIUK

SSI เผยศาลรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ-นัดไต่สวน 21 ธ.ค.นี้ ส่วน SSIUK นั้นตัดสินใจยื่นคำร้องขอยกเลิกกิจการและชำระบัญชี (Liquidation) ต่อศาล และศาลได้รับคำร้องดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ประเมินผลกระทบจากการยกเลิกกิจการและชำระบัญชีส่งผลกระทบต่องบกำไรขาดทุน SSI ในไตรมาส 3/58


บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI ระบุว่า ตามที่ SSI ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 5228 และศาลได้รับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ ไว้แล้วเป็นคดีหมายเลขดาที่ ฟ.53/5228 เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 5228 โดยกำหนดนัดไต่สวนคำร้องดังกล่าวในวันที่ 21 ธันวาคม 5228

ขณะที่ กรณีที่บริษัทแจ้งการหยุดผลิตเหล็กแท่งแบนชั่วคราวที่โรงงานเอสเอสไอทีไซด์ของธุรกิจโรงถลุงเหล็ก ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ยูเค จากัด (“เอสเอสไอยูเค”) โดยเอสเอสไอ ยูเค เป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมดร้อยละ 100 ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 และการประกาศหยุดการผลิตในส่วนของโรงถลุงเหล็ก (Iron and Steel Making Operation) ของเอสเอสไอ ยูเค ซึ่งส่งผลให้ต้องมีการลดจำนวนพนักงานลงประมาณ 1,700 คน จากทั้งหมดประมาณ 5,000 คน ตามหนังสือที่อ้างถึง 5 ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น

จากการประเมินสถานการณ์ล่าสุด บริษัทระบุว่า เอสเอสไอ ยูเค ได้ตัดสินใจยื่นคำร้องขอยกเลิกกิจการและชำระบัญชี (Liquidation) ต่อศาล และศาลได้รับคำร้องดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ในวันที่ 2 ตุลาคม 5228 ซึ่งส่งผลให้สินทรัพย์ของเอสเอสไอ ยูเค เข้าสู่กระบวนการชำระบัญชีในทันที นอกจากนี้จะส่งผลให้คณะกรรมการของเอสเอสไอ ยูเค สิ้นสุดอำนาจดำเนินการกิจการของเอสเอสไอ ยูเค ด้วย

ทั้งนี้บริษัทได้ประเมินผลกระทบจากการยกเลิกกิจการและชำระบัญชีของเอสเอสไอ ยูเค ซึ่งจะมีต่องบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 5228 ดังนี้

1. เงินลงทุนในบริษัทย่อย ประมาณ 57.48 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ จะต้องมีการบันทึกการด้อยค่าของ สินทรัพย์ในงบแสดงฐานะการเงิน และรับรู้ผลขาดทุนจากรายการดังกล่าวในงบกำไรขาดทุน

2. ยอดหนี้สินคงค้างระหว่างกัน ประมาณ 6.52 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ จะต้องตั้งสำรองหนี้สินดังกล่าวเต็ม จำนวนในงบแสดงฐานะการเงิน และรับรู้ผลขาดทุนจากรายการดังกล่าวในงบกาไรขาดทุน

3. หนี้ ของเอสเอสไอ ยูเค จำนวน 790 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5.8 หมื่นล้านบาท ในฐานะที่บริษัทฯ เป็นผู้ค้ำประกันของเอสเอสไอ ยูเค ซึ่งบริษัทฯ จะต้องมีการบันทึกหนี้สินเพิ่มขึ้นในงบแสดงฐานะการเงิน และรับรู้ผลขาดทุนจากรายการดังกล่าวในงบกำไรขาดทุน

ทั้งนี้ การยกเลิกกิจการและชำระบัญชีของเอสเอสไอยูเคดังกล่าวจะมีสินทรัพย์ที่ถูกจำหน่ายซึ่งยังไม่สามารถประเมินมูลค่าได้อย่างไรก็ตามด้วยดำเนินการตามหลักความระมัดระวังบริษัทฯจึงยังไม่รับรู้มูลค่าของสินทรัพย์ดังกล่าว

Back to top button