“ฟินันเซีย” มองจังหวะซื้อ SMD อัพเป้าใหม่ 18 บ. ลุ้นรายได้ปีนี้ทะลุพันลบ.

“บล.ฟินันเซีย ไซรัส” มองจังหวะซื้อ SMD หลังราคาหุ้นปรับฐานลงช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่าน พร้อมอัพเป้าใหม่ 18 บ. ลุ้นรายได้ปีนี้ทะลุพันลบ. รับอานิสงส์โควิด-19 โดยตรง หนุนคำสั่งซื้ออุปกรณ์แพทย์พุ่ง และปรับประมาณการกำไรปี 64-65 เพิ่ม


บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ส.ค.2564) ว่า บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้ประโยชน์โดยตรงจาก COVID-19 จากความต้องการเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยเฉพาะกลุ่มเวชบาบัดวิกฤต เครื่องให้ออกซิเจนและกลุ่มเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าหลักที่ SMD จำหน่าย โดยล่าสุดงวดครึ่งปีแรกของปี 2564 มีสัดส่วนรายได้ถึงราว 80% ของรายได้รวมที่ 485 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.3% เมื่อเทียบจากปีก่อน ปัจจุบันคาสั่งซื้อในมือผู้บริหารเชื่อมั่นว่ารายได้ปีนี้จะสามารถทะลุ 1,000 ล้านบาทได้แน่นอน ทั้งจากสินค้าในกลุ่มเดิมจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ยังระบาดหนัก รวมถึงมีแรงหนุนจากการเริ่มขาย Antigen Test Kit คาดรายได้ของ SMD ที่ 1,114 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.6% เมื่อเทียบจากปีก่อน

แม้ฐานรายได้ปี 2564 จะสูง แต่ยังเชื่อว่ารายได้ของ SMD ในปี 2565 จะยังสามารถเติบโตได้อีกเล็กน้อยจากทั้งการขาย Antigen Test Kit วัสดุสิ้นเปลืองสาหรับเครื่อง High Flow ที่มีการขายมากในปีนี้ รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ด้านการดูแลปอดสาหรับผู้ที่หายป่วยจาก COVID-19 ที่มีอาการรุนแรง รวมถึงการขายเครื่อง AED หลังกฎหมายบังคับว่าตึกสูงทุกแห่งต้องมี ซึ่งประเมินว่าจะต้องมีเครื่อง AED ถึง 2 แสนเครื่องจากปัจจุบันที่มีเพียง 3 หมื่นเครื่อง คาดรายได้ของ SMD ปี 2565 ที่ 1,186 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบจากปีก่อน ยัง Conservative กว่ากว่าเป้าบริษัทที่คาดเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบจากปีก่อน

ทั้งนี้จากประมาณการรายได้ SMD ในปี 2564-2565 ที่สูงกว่าประมาณการเดิมอย่างมีนัยยะ ทำให้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิขึ้นราว 80% โดยคาดปี 2564-2565  ที่ 171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.5% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 187 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยคาด Net Margin ปรับตัวพุ่งขึ้นเป็น 15.3-15.8% เทียบกับ 11.8% ในปี  2563 จากผลของ Operating Leverage ในส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ที่ปรับขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าอย่างมีนัยยะ

อีกทั้งปรับใช้ราคาเป้าหมาย SMD เป็นปี 2565 ที่ 18 บาท (อิง Target PE ราว 21 เท่า) สะท้อนการเติบโตที่ยังแข็งแร่ง ส่วนด้านราคาหุ้นที่ปรับฐานลงเกือบ 10% ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ Upside เปิดกว้างขึ้นเทียบกับราคาเป้าหมายใหม่ มองเป็นจังหวะที่ดีในการเข้า “ซื้อ”

Back to top button