‘หยุดโกง’ หยุดตอแหล

หลายโรงพยาบาลที่เปิดรับบริจาคอุปกรณ์การแพทย์ ที่จริงมีเงิน แต่ให้ชาวบ้านซื้อของมาบริจาค ง่ายกว่าเร็วกว่าทำ TOR ตั้งกรรมการประมูลตรวจรับ


ป.ป.ช.ใช้งบพีอาร์ “โครงการสื่อรณรงค์ต้านโกง” ให้ดาราคนดังออกมา “พูดหยุดโกง” เป็นที่ขบขันเย้ยหยันทั่วไป

ประการแรก มันพ้นยุคสมัยแล้วที่ใช้งบพีอาร์ทำป้ายจัดงานอีเวนท์ “จงทำดี ๆ” แล้วคิดว่าจะล้างสมองครอบงำคนได้ เรื่องอย่างนี้ เอเยนซี PR ภาคเอกชนรู้กันทั่วไป จะทำโฆษณาให้จับใจต้องมี content ไม่ใช่นกแก้วนกขุนทอง ซ้ำโดนจับได้ “จ้างทำดี”

ประการที่สอง “หยุดโกง” ไม่มีทางสำเร็จได้ด้วยการสั่งสอนประชาชน ถ้าระบอบการปกครองไม่โปร่งใส ผู้มีอำนาจตรวจสอบไม่ได้ เหมือนยัดเยียดให้เด็กท่องค่านิยม 12 ประการ เด็กยิ่งต่อต้าน เมื่อเห็นการโกงอำนาจ ผูกขาดอำนาจ โดยเครือข่ายชนชั้นนำที่อ้างตน “คนดีย์”

ประการที่สาม ป.ป.ช.นั่นแหละตัวดี แต่งตั้งจากรัฐประหาร เครือข่ายขุนนางอำมาตย์ เป็นเครื่องมือกำจัดฝ่ายตรงข้าม แต่ละเว้น “นาฬิกาเพื่อน” ยังเอางบพีอาร์ 78.8 ล้านมาละลายน้ำ

“หยุดโกง” วันนี้จึงเป็นเรื่องตอแหล ดัดจริต หัวร่ออ้วกแตก หลอกใครไม่ได้ สังคมสมัยใหม่ไม่เชื่อองค์กรเทวดาลอยมาปราบโกงอีกแล้ว

แนวคิดปราบโกงมี 2 แนว แนวอนุรักษ์นิยม คือเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สาปแช่ง นรกสวรรค์ ท่องศีลธรรม ให้คนดีปกครองบ้านเมือง (แต่มาจากรัฐประหาร) แล้วก็ตั้งองค์กรศักดิ์สิทธิ์ ให้อิทธิฤทธิ์อำนาจเบ็ดเสร็จ โดยเชื่อว่าจะมีเปาบุ้นจิ้น ลอยลงมา ทั้งที่เป็นมนุษย์ธรรมดา กินปี้ขี้นอน มีอคติ มีรักโลภโกรธหลง ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าศาล องค์กรอิสระ

แนวคิดลิเบอรัล เสรีประชาธิปไตย คือใครมีอำนาจมีโอกาสก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้นแหละ ทุกอำนาจจึงต้องตรวจสอบได้ ต้องถูกถ่วงดุล การสอนคนท่องศีลธรรมเชื่อฟังผู้หลักผู้ใหญ่ พอเข้าระบบไปก็คล้อยตามหมด ต้องสอนให้คนเป็นกบฏ กล้าต่อต้านอำนาจอภิสิทธิ์ชน

องค์กรศักดิ์สิทธิ์เป็นพิษร้ายแทรกอยู่ในรัฐธรรมนูญ 2540 พอปลุกเกลียดชังนักการเมืองโกง รัฐธรรมนูญ 2550, 2560 ยิ่งเพิ่มเขี้ยวเล็บศาลองค์กรอิสระ ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไล่ “จับโกง” ด้วยการตีความ ทำผิดกฎหมายผิดระเบียบ ละเว้น “ปล่อยปละละเลย” ไม่เคยจับได้เส้นทางการเงิน มีแต่ฝรั่งจับให้ เช่นอดีตผู้ว่า ททท.

หลังรัฐประหาร 2557 อาการ “บ้าจี้” ปราบโกง (ที่หนุนส่งโดยองค์กรภาคเอกชน) ยิ่งกำเริบหนัก นอกจากสองมาตรฐาน ใช้เล่นงานฝ่ายตรงข้าม ยังย้อนกลับมามัดมือมัดเท้าคนทำงานภาครัฐ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง กับการจัดตั้งศาลทุจริต ซึ่งน่ากลัวมาก เพราะเป็นศาลพิเศษที่ให้ถือเอาสำนวน ป.ป.ช.เป็น “หลักในการแสวงหาความจริง” จำเลยต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์ตัวเอง ต่างจากคดีอาญาทั่วไปที่อัยการต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์

ข้าราชการจึงต้องเคร่งครัดระเบียบราชการจุกจิก แม้แต่ฉุกเฉินโควิด การจัดซื้อจัดจ้างยังเต่าคลาน หลายโรงพยาบาลที่เปิดรับบริจาคอุปกรณ์การแพทย์ ที่จริงมีเงิน แต่ให้ชาวบ้านซื้อของมาบริจาค ง่ายกว่าเร็วกว่าทำ TOR ตั้งกรรมการประมูลตรวจรับ

ที่แพทย์ชนบทเปิดศึกกับองค์การเภสัชเรื่องจัดซื้อชุดตรวจ ATK ก็เหมือนกัน เมื่อก่อน สปสช.ซื้อยาเอง ซื้อของดีมีคุณภาพ ราคาถูก เพราะรวมมาซื้อที่ละมาก ๆ มีอำนาจต่อรอง แต่โดน สตง. (ซึ่งหลังรัฐประหารไล่เอาผิด อปท.ซื้อวัคซีนพิษสุนัขบ้า) หาว่าทำไม่ได้ กฎหมายห้าม ต้องโอนเงินให้ รพ.ราชวิถีไปสั่งซื้อจาก อภ. ซึ่งก็เปิดประมูลได้ชุดตรวจที่ WHO ไม่รับรอง แต่ราคาต่ำสุด ถูกต้องตามระเบียบทุกประการ

ทีทหารซื้อรถถัง เครื่องบินไม่ยักเปิดประมูลอย่างนี้บ้าง

อันที่จริง ความหมายของการ “โกง” ในปัจจุบัน ไม่จำกัดแค่คอร์รัปชั่นเท่านั้น แต่รวมถึงการถลุงงบประมาณไปในทางที่ไม่จำเป็น เช่นงบ 2565 แทนที่จะกอบกู้โควิด ราชการกลับเอางบไปทำรั้ว ทำประตู ซื้อตู้แช่ไวน์ ฯลฯ แม้ไม่โกงสักบาท คนรุ่นใหม่ก็ตั้งฉายาให้แล้วว่า “รัฐปรสิต”

ใครเอาเงินภาษีไปถลุงอย่างมีอภิสิทธิ์ ก็โกงสิทธิของประชาชนโดยตรง

Back to top button