สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 20 ส.ค. 2564
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 20 ส.ค. 2564
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (20 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้น แต่ดัชนีดาวโจนส์ก็ยังคงปิดตลาดติดลบในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความวิตกว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มคุมเข้มนโยบายการเงินเร็วกว่าคาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,120.08 จุด เพิ่มขึ้น 225.96 จุด หรือ +0.65%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,441.67 จุด เพิ่มขึ้น 35.87 จุด หรือ +0.81% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,714.66 จุด เพิ่มขึ้น 172.88 จุด หรือ +1.19%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (20 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ปรับตัวขึ้น แต่ตลาดหุ้นยุโรปก็ยังคงปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในสัปดาห์นี้นับตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 468.80 จุด เพิ่มขึ้น 1.56 จุด หรือ +0.33%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,626.11 จุด เพิ่มขึ้น 20.22 จุด หรือ +0.31%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,808.04 จุด เพิ่มขึ้น 42.23จุด หรือ +0.27% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,087.90 จุด เพิ่มขึ้น 29.04 จุด หรือ +0.41%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (20 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มการเงิน ขณะที่การเปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการที่สดใสของบริษัทมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ได้ช่วยคลายความวิตกของนักลงทุนหลังจากที่อังกฤษเปิดเผยยอดค้าปลีกลดลงเกินคาดในเดือนก.ค.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,087.90 จุด เพิ่มขึ้น 29.04 จุด หรือ +0.41%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (20 ส.ค.) เป็นวันที่ 7 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายสัญญาน้ำมันดิบออกมาท่ามกลางความวิตกว่า ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจะลดลงทั่วโลก ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 1.37 ดอลลาร์ หรือ 2.20% ปิดที่ 62.32 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 8.90% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 1.27 ดอลลาร์ หรือ 1.90% ปิดที่ 65.18 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 7.70% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (20 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในอัฟกานิสถานหลังกลุ่มตาลีบันเข้ายึดครองประเทศ
ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 1,784 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวขึ้น 0.30% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 11.80 เซนต์ หรือ 0.51% ปิดที่ 23.112 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 23 ดอลลาร์ หรือ 2.37% ปิดที่ 994.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 21.40 ดอลลาร์ หรือ 0.90% ปิดที่ 2,276.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (20 ส.ค.) โดยถูกกดดันจากแรงขายทำกำไรหลังปรับตัวขึ้น 4 วันติดต่อกัน
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.06% แตะที่ 93.5024 เมื่อวันศุกร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9176 ฟรังก์ จากระดับ 0.9185 ฟรังก์ แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 109.80 เยน จากระดับ 109.78 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2844 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2819 ดอลลาร์แคนาดา
ส่วนยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1695 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1676 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าสู่ระดับ 1.3622 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3639 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7136 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7151 ดอลลาร์สหรัฐ