หุ้นเปิดเมืองขึ้นยกแผง
ตลาดหุ้นไทยพุ่งด้วยยอดติดเชื้อ และยอดคนตาย มีจำนวนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกับมีคำพูดจากคุณหมอเกี่ยวกับการเปิดประเทศใกล้ความจริงขึ้นเรื่อย ๆ
* หากอ้างอิงการทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงของตลาดหุ้นไทยด้วยยอดติดเชื้อ และยอดคนตาย มีจำนวนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกับมีคำพูดจากคุณหมอเกี่ยวกับการเปิดประเทศใกล้ความจริงขึ้นเรื่อย ๆ หลังตัวเลขฉีดสะสมวิ่งขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 20 ล้านโดส บวกกับในช่วง ก.ย.-ต.ค. จะมีวัคซีนเข้ามาเพิ่มอีก 20 ล้านโดส ก็จะทำให้ประเทศไทยมีคนที่ฉีดวัคซีนเกินครึ่งหนึ่งของประเทศแล้วนะจ๊ะ
* ประเด็นดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ทำให้ทุกคนรู้สึกดีใจจนเนื้อเต้นตุ๊บ ๆ เพราะมันหมายถึงระบบเศรษฐกิจน่าจะเริ่มฟื้นตัว อย่างเป็นรูปธรรม ผนวกกับได้รับอานิสงส์จากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นแรง ตลาดหุ้นไทยเลยพุ่งพรวดขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,582.07 จุด บวกไป 28.89 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.14 แสนล้านบาทอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีรายการหักปากกาเซียนราบคาบแบบนี้..น้องโมขอซูฮกในความเก่งกาจของหุ้นไทยพะยะค่ะ
* เนื่องจากข้อมูลสถิติที่เคยจดบันทึกไว้ก่อนหน้านี้ ไม่สามารถนำมาใช้กับสถานการณ์ปัจจุบันได้อีกแล้ว และยังทำให้การขึ้นมายืนเหนือแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,550 จุดกลายเป็นจุดบิ้วท์อารมณ์ให้เล่นต่อแบบไม่มีข้อกังขา เพราะสามารถคาดหวังกำไรไตรมาส 4 จะออกมาเลิศสะแมนแตนได้ทันที จนมีเสียงร่ำลือหนาหูว่า เป้าหมายถัดไปอยู่เหนือระดับ 1,600 จุดนะจะบอกให้
* งานนี้จะเป็นการด่วนสรุปเกินไปหรือไม่ “โมนิก้า” คงมิอาจก้าวล่วงได้อีกเช่นกัน เพราะสิ่งที่รู้จริง ๆ ตอนนี้คือ ข่าวดีกำลังเข้ามาแทนที่ข่าวร้ายอย่างชัดเจน ไล่เรียงตั้งแต่การกระชากขึ้นของแบงก์สีเขียว KBANK จนขึ้นมาปิดที่ระดับ118 บาท บวกไป 9.50 บาท หรือขึ้นไป 8.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.36 พันล้านบาท พร้อมกับเปิดแก๊ปกว้างอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบหลายเดือนแบบนี้…คงต้องตามไปดูให้มันรู้เรื่องไปเลยเจ้าค่ะ
* เช่นเดียวกับในรายของหุ้นร้านสะดวกซื้อ CPALL ก็อาศัยสตอรี่เปิดเมืองเป็นตัวดันราคา แถมเที่ยวนี้คาดหวังกันไปถึงการเปิดประเทศเข้ามาด้วย วานนี้จึงเห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 61 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 5.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.84 พันล้านบาท พร้อมกับทำราคาสูงสุดในรอบ 2 เดือนอย่างง่ายดาย มันเป็นเรื่องของอารมณ์เพียว ๆ ไม่มีเรื่องอื่นเจือปนเลยนะตัวเอง
* ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ “โมนิก้า” ถึงบางอ้อแบบรวดเร็ว และเข้าใจเหตุผลที่ทำให้หุ้น AOT กลายเป็นหุ้นที่มีทรงสวยสุดในช่วง 5 วันที่ผ่านมา ผสานกับการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 61.50 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 3.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.54 พันล้านบาท มันเต็มไปด้วยความหวังในการเปิดประเทศ จึงกลายเป็นช็อตที่บังคับให้คนที่ไม่อยากตกขบวนรถด่วนต้องตามกระแสในทันทีไงล่ะคะ
* อานิสงส์ดังกล่าวยังทำให้หุ้นบัตรเครดิต KTC พุ่งพรวดขึ้นมาปิดที่ 64.50 บาท บวกไป 5 บาท หรือขึ้นไป 8.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.91 พันล้านบาทแบบชิล ๆ หลังตกอยู่ในภาวะซึมกระทือเป็นเวลา 4 เดือนครึ่ง กลายเป็นช็อตที่ต้องเล่นตามน้ำไปโดยปริยาย เพราะมองในมุมของเศรษฐกิจถึงจุดต่ำสุด และมีความหวังเรื่องการฟื้นตัวอย่างเป็นรูปธรรม จนกำลังซื้อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หุ้นตัวนี้น่าจะรับเต็ม ๆ เป็นรายแรก ๆ นะจะบอกให้
* เมื่อหลายอย่างดีขึ้นเรื่อย ๆ “โมนิก้า” ย่อมชายตามองไปที่หุ้น OR เพื่อไม่ให้ตัวเองตกขบวนรถด่วน ยิ่งมองในมุมของค่า PE 25 เท่าเป็นจุดตัดสินใจลงทุน ยิ่งทำให้หุ้นตัวนี้น่าเล่นขึ้นมาทันที เดี๊ยนจึงมองราคาปิดที่ระดับ 30 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 3.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.23 พันล้านบาท ยังเหมาะต่อการทยอยเก็บเข้าพอร์ตอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะทุกคนเชื่อว่า หลายอย่างกำลังดีขึ้นนะคุณพี่!
* ตบท้ายกันที่ควันหลงเทนเดอร์ฯ สุดยอดหุ้นปันผล INTUCH ภายใต้แผนงานของ GULF กันเสียหน่อย! เพราะเดี๊ยนได้ยินข่าวแว่ว ๆ มาจากแบงก์เกอร์หนุ่มหวานใจคนล่าสุดว่า วงเงินที่กัลฟ์ขอจากแบงก์ 12 แห่งจำนวน 1.74 แสนล้านสำหรับซื้อหุ้นอินทัช สุดท้ายใช้จริงไปแค่ 4 หมื่นล้าน และตอนนี้ได้คืนวงเงินที่เหลือไปแล้ว จึงอยากให้แฟนคลับคิดต่อไปอีกขั้นว่า แผนซื้อหุ้นเพิ่มจะมีโอกาสเกิดขึ้นไหม?..หากคิดไม่ออก พรุ่งนี้จะมาเฉลยให้นะจ๊ะ