แนะเก็บ 6 หุ้นมีประเด็นหนุนSET บ่ายระวังแรงขายทำกำไร!

SET ปรับตัวขึ้นได้ตามตลาดภูมิภาคจากแรงเก็งประเด็นเฟดไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย แต่เจอแรงขายทำกำไรออกมาระหว่างทางทำให้ลดช่วงบวกไป บ่ายคาดตลาดอาจต้องเผชิญแรงขายทำกำไรต่อ โดยมีแนวรับ 1,350 แนวต้าน 1,370-1,375 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (10 ต.ค.) ปรับตัวขึ้นแรงช่วงเปิดตลาดหลังจากนั้นลดช่วงบวกลงจากแรงขายทำกำไร ขณะที่ ตลาดภูมิภาคปรับตัวขึ้นจากการเก็งประเด็นเฟดจะไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังมีความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกอยู่บ้าง

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ตลาดหุ้นไทยอาจเผชิญแรงขายทำกำไรต่อจากท้ายตลาดช่วงเช้า โดยมีแนวรับ 1,350 จุด ส่วนแนวต้าน 1,370-1,375 จุด ขณะที่ แนะนำหุ้นกลุ่มรับเหมา และวัสดุก่อสร้าง CK-STEC-UNIQ และ SCC รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยว CENTEL และ MINT เนื่องจากกำลังเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจท่องเที่ยว

 

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ผันผวนในกรอบ แม้ว่าดัชนีหุ้นไทยจะอยู่ในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่ต่างปรับตัวขึ้นกัน จากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปก่อน เนื่องจากช่วงหลังมานี้ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้

ขณะที่ ตลาดบ้านเราดูเหมือนว่าจะบวกได้น้อยกว่าตลาดเพื่อนบ้าน เนื่องจากเจอแรงขายทำกำไรออกมาระหว่างทางทำให้ดัชนีลดช่วงบวก โดยนักลงทุนยังให้ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกอยู่ ดังนั้นหลักๆ ช่วงนี้คงจะต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศหลักๆ อยู่

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดตลาดหุ้นไทยอาจต้องเผชิญแรงขายทำกำไร พร้อมให้แนวรับ 1,350 จุด ส่วนแนวต้าน 1,370-1,375 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ต.ค.) ว่า แม้ SET มีแรงขายทำกำไรบ้างในช่วงเช้าที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ทำให้สัญญาณ “บวก” ทางเทคนิคเสียหาย ขณะที่มองเป็นโอกาส “ซื้อ” ต่อไป โดยมอง Downside Risk จำกัด และมีโอกาสที่ SET จะค่อยๆ ปรับสูงขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ (Year-End Rally)

จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มส่งผลไตรมาส 4/58-ไตรมาส 1/59 รวมถึงรัฐบาลเร่งเปิดประมูลโครงสร้างพื้นฐาน หนุนความเชื่อมั่น ขณะที่แรงขายนักลงทุนต่างชาติจำกัด ถือครองหุ้นต่ำสุดตั้งแต่ 2551 ทำให้แม้ Fed มีแผนขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือน ธ.ค.นี้ แต่ประเมินผลกระทบจำกัดมากแล้ว

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (Consensus) มีมุมมอง Very Conservative แล้ว ทำให้ไม่คิดว่าจะมีการปรับประมาณการกำไร (Downward Revision) อย่างมีนัยสำคัญแล้ว หลังประกาศกำไรไตรมาส 3/15

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยยังคงแนะหุ้นกลุ่มหลักที่เป็นกลุ่มรับเหมา และวัสดุก่อสร้าง CK-STEC-UNIQ และ SCC รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวเป็นอีกกลุ่มที่คาดว่าจะ Outperform ตลาด เนื่องจาก 1) ราคาหุ้นตอบรับปัจจัยลบจากเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์เมื่อเดือน ส.ค.ไปแล้ว ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวได้รับผลกระทบเพียงระยะสั้นเท่านั้น

2) ล่าสุดจำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และกำลังเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจท่องเที่ยว

3) ในรายงาน “Pathumwan Corner” วันนี้ จะเห็นว่า CENTEL และ MINT เป็นหุ้นที่ซื้อขายที่ระดับ PE ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และมีสัญญาณ “บวก” ทางเทคนิคแล้ว เป็นกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะให้อัตราผลตอบแทนดีกว่า SET ในจังหวะ Rebound

4) ในทางพื้นฐาน ฝ่ายวิจัยแนะนำ “ซื้อ” ทั้ง CENTEL และ MINT ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 48 บาท และ 37 บาท ตามลำดับ โดย CENTEL เป็นหุ้น Turnaround Play ในปีนี้ ด้วยกำไรที่เติบโต 59% ขณะที่ MINT จะเป็น Turnaround Play ในปี 59 ด้วยอัตราการเติบโตกำไร 26%

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

JAS มูลค่าการซื้อขาย 2,495.97 ล้านบาท ปิดที่ 5.55 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,449.00 ล้านบาท ปิดที่ 253.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 915.14 ล้านบาท ปิดที่ 221.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 834.12 ล้านบาท ปิดที่ 172.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

TIPCO มูลค่าการซื้อขาย 789.69 ล้านบาท ปิดที่ 18.70 บาท ลดลง 0.20 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button