DUSIT-AAV หวังเปิดประเทศต้นปี 65 ชูกลยุทธ์เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกนทท.
DUSIT-AAV เตรียมพร้อมรอท่องเที่ยวฟื้น กางแผนใช้เทคโนโลยีในงานบริการอำนวยความสะดวกนทท. เพื่อลดการสัมผัสสามารถเช็คอินล่วงหน้า หรือโหลดกระเป๋าด้วยตัวเอง หรือการเช็คอินด้วยระบบจดจำใบหน้า เพื่อที่จะได้ย่นระยะเวลาและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
นางศุภจี สุธรรมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง “การปรับตัวของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวหลังโควิด” ว่า สถานการณ์การระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวอย่างมาก โดยในเบื้องต้นคาดว่ากระทบเฉพาะปี 2563 และเริ่มเห็นธุรกิจกลับมาปลายปี 2563 แต่ก็เกิดการะบาดรอบใหม่และก็หนักหน่วงกว่าปี 2563 ย่อมกระทบผลประกอบการในปี 2564 ดังนั้น การวางแผนธุรกิจด้วยแผนเดียวไม่พอ โดยมองว่าการกลับมาของธุรกิจท่องเที่ยวขึ้นอยู่กับการกระจายวัคซีน ความพร้อมของผู้ประกอบการที่พร้อมปรับตัว
ทั้งนี้ธุรกิจท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไปแล้วหลังจากเกิดวิกฤตโควิด (1) Customer Profile โดยผู้เดินทางเพื่อธุรกิจในช่วง 12 – 18 เดือนข้างหน้าจะกลับมาไม่เต็มที่เพราะเห็นว่าไม่จำเป็นต้องเดินทางมาประชุมหรือประชุมสัมมนา โดยใช้เทคโนโลยีมาช่วย ขณะเดียวกันลูกค้าเดินทางท่องเที่ยวก็เปลี่ยนไป ไทยเคยพึ่งพานักท่องเที่ยวจากจีนซึ่งมีนัยสำคัญ โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีน 10 กว่าล้านคนจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศทั้งหมด 40 ล้านคน โดยวันนี้รัฐบาลจีนไม่แนะนำให้เดินทางออกนอกประเทศให้เดินทางภายในประเทศแทน ดังนั้นอาจจะปรับเน้นลูกค้าแบบ Segment
อีกทั้ง (2) Customer Behaviour ผู้ประกอบการต้องตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป การท่องเที่ยวที่เน้นสุขภาพ wellness รวมทั้ง (3) Convinience และ (4) Confidence รวมไปถึงทำอย่างไรให้ลูกค้ามีความสะดวกสบายและมั่นใจที่จะมาท่องเที่ยว ซึ่งมีเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนไว้มาก
นอกจากนี้ธุรกิจได้นำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีมาปรับปรุงการทำงาน ปรับระบบหลังบ้านและหน้าบ้านเพื่อไว้รองรับลูกค้า ทั้งการปรับปรุงระบบบริหารทรัพยากรองค์กรและบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า หรือการนำดาต้ามาเชื่อมโยงกับธุรกิจที่กระจาย 16 ประเทศ พนักงานกว่า 8 พันคน และมาใช้กับลูกค้าเพื่อลดการสัมผัส
“ไม่มีใครตอบได้ว่าธุรกิจจะกลับมาเมื่อไหร่ แต่ก็ต้องเตรียมความพร้อม” นางศุภจี กล่าว
ด้านนายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV และสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ขณะนี้การเดินทางในประเทศเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นหลังจากผ่อนคลายให้เริ่มเดินทางได้ในเดือนก.ย. แต่ยังไม่ใช่เพื่อการท่องเที่ยว หากควบคุมสถานการณ์ โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลง และการฉีดวัคซีนได้มากขึ้น คาดว่าเดือนต.ค.น่าจะโปรโมทการท่องเที่ยว และเดือนพ.ย. – ธ.ค.ก็น่าจะเปิดท่องเที่ยวในประเทศได้
ส่วนการท่องเที่ยวในต่างประเทศก็ยังไม่รู้จะได้เปิดเมื่อใด แต่ขณะนี้ขอยึดตัวเลขของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่คาดว่าจะเปิดได้ต้นปี 2565 หลังไทยฉีดวัคซีนได้แล้ว 70% ของประชากร และคาดว่าในปี 2565 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 13 ล้านคน (กรณี Best case) และปี 2566 ก็จะกลับมามากขึ้น โดยไทยแอร์เอเชียก็เตรียมความพร้อมทั้งเรื่องเครื่องบินที่หมั่นบำรุงรักษาให้พร้อมบิน ด้านบุคคลากรที่มีการฝึกอบรมอยู่ต่อเนื่อง เพราะต้องมีความชำนาญเฉพาะทาง และพนักงานก็ฉีดวัคซีนเกือบครบ 100% ส่วนลูกค้ามีการติดต่อสื่อสารลูกค้าตลอด การดูแลผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบ (Refund)
นอกจากนี้ใช้เทคโนโลยีเข้ามาใช้งานบริการ เช่น เช็คอินล่วงหน้า หรือโหลดกระเป๋าด้วยตัวเอง หรือการเช็คอินด้วยระบบจดจำใบหน้า ซึ่งเห็นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ก็กำลังจะนำระบบจดจำใบหน้ามาใช้เช่นเดียวกับสนามบินประเทศอื่น และการเดินทางอนาคตจะมีการเช็คการรับวัคซีนหรือตรวจหาเชื้อ ซึ่งจะนำผลมาอยู่ในแพลตฟอร์ม ซึ่งกำลังทดลองอยู่ซึ่งรอรัฐบาลไทยโดยกระทรวงคมนาคมคมนาคม หรือ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) จะเลือกแพลตฟอร์มใด ขณะเดียวกันการซื้อขายตั๋วออนไลน์มากขึ้นซึ่งกำลังพัฒนาระบบและมีความปลอดภัยที่จะมาใช้ในอนาคต
“ผู้ประกอบการต้องเตรียมพร้อม คิดบวกเข้าไว้ ธุรกิจท่องเที่ยวต้องอยู่บนความจริง และยอมรับการเปลี่ยนแปลง แล้วก็มองไปข้างหน้า” นายสันติสุข กล่าว
ขณะเดียวกันนางสาวอัจฉรา บุรารักษ์ ผู้บริหารร้านอาหารกลุ่มไอเบอรี่ คาดว่าจะฟื้นตัวได้อย่างเร็วในปลายปี 2564 ซึ่งตอนนี้ได้เตรียมไว้หลายแผน เพราะไม่สามารถคาดเดาได้โรคระบาดจะหยุดเมื่อไหร่ และนโยบายของรัฐบาลก็เปลี่ยนแปลงตลอด ระหว่างที่ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ก็รักษาความอยู่รอดขององค์กร ดูกระแสเงินสด (cash flow) อย่างละเอียด ควบคุมรายจ่าย และนำ big data มาวิเคราะห์ โดยนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญที่เข้ามาช่วยลดค่าใช้จ่าย ช่วยสื่อสารกับลูกค้าได้ดี รวมทั้งการขยายครัวทั้งนอกห้างในห้าง