APURE พุ่งแรง 19% โบรกฯชี้ยอดสั่งซื้อทะลัก-ขยายฐานยุโรป ดันกำไรโตแกร่ง ชูเป้า 12 บ.
APURE พุ่งแรง 19% โบรกฯแนะ “ซื้อ” เป้า 12 บาท ชี้ยอดสั่งซื้อในสหรัฐฯเพิ่ม อีกทั้งความแข็งแกร่งในการขยายกิจการไปยังยุโรป เนื่องด้วยปัจจัยเรื่องภาษี หนุนกำไรปีนี้จนถึงปี 2566 โตกระฉูด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (7 ก.ย. 2564) ราคาหุ้นบริษัท อกริเพียว โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APURE ณ เวลา 11.17 น. อยู่ที่ระดับ 10.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.70 บาท หรือ 19.32% โดยทำจุดสูงสุดที่ 10.80 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 9.15 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 751.57 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ FSSIA มองว่า 3 ปัจจัยที่จะสนับสนุนให้กำไรของ APURE บริษัทชั้นนำด้านการผลิตและส่งออกข้าวโพดหวาน สามารถเติบโตที่ประมาณ 29.40% ต่อปี ระหว่างปี 2563 – 2566 ได้แก่ (1) คำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าใหม่ที่สหรัฐฯอย่าง Walmart ที่จะช่วยดันยอดขายเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า (2) การขยายธุรกิจไปตลาดยุโรป และ (3) กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทบรรจุภัณฑ์ถุงที่วางขายที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยจากการเติบโตของรายได้ที่คาดการณ์ไว้ว่าจะสอดคล้องกับการขยายอัตรากำไรขั้นต้น อันเป็นผลมาจากอัตราการผลิตที่สูงขึ้น ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน และโรงงานผลิตกระป๋องแห่งใหม่
โดยยอดขายในยุโรปและสหรัฐฯจะเป็นกำลังสำคัญผลักดันกำไรในปีนี้จนถึงปี 2566 ซึ่งตอนนี้ APURE มีคำสั่งซื้อจาก Walmart ประมาณ 1,400 ตู้คอนเทนเนอร์ และมีแนวโน้มจะเพิ่มเป็น 4,000 ตู้ภายในปี 2566 ทั้งนี้ FSSIA เชื่อว่า APURE ยังคงความแข็งแกร่งในการขยายกิจการไปยังยุโรป เนื่องด้วยปัจจัยเรื่องภาษี การส่งออกไปยังยุโรปคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 50 ตู้เมื่อปีที่แล้ว เป็น 400 ตู้ในปีนี้ และเพิ่มเป็น 800 และ 1,200 ตู้ในปี 2565 และ 2566 ตามลำดับ นี่เป็นมุมมองที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยมเมื่อเทียบกับเป้าหมายของ APURE ที่ 2,000 ตู้คอนเทนเนอร์ภายในปี 2567
นอกเหนือจากแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งแล้ว FSSIA เชื่อว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ APURE จะมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับบริษัทผู้ผลิตสินค้าสินค้าเกษตรกรรมเจ้าอื่นๆ และยังมองว่า APURE กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ระหว่างปี 2564 – 2566 เนื่องจากอัตราการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ควบคู่ไปกับประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุน และโรงงานผลิตกระป๋องแห่งใหม่ ที่จะช่วยลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์และการขนส่งประมาณ 2,000 บาท ต่อ 1 ตู้คอนเทนเนอร์ โรงงานแห่งใหม่นี้คาดว่าจะเริ่มการผลิตสิ้นปี 2565
อย่างไรก็ดี FSSIA แนะนำ “ซื้อ” APURE พร้อมราคาเป้าหมายที่ 12 บาท อิง P/E ปี 2565 ที่ 20 เท่า หรือที่ +1.0SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 14.20 เท่า และมองว่า APURE ควรเทรดด้วยมูลค่าที่มากกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งที่คาดการณ์ไว้ที่ 662 ล้านบาทในปี 2566 เทียบกับกำไรสุทธิเฉลี่ย 116 ล้านบาทในช่วงก่อนที่ Walmart จะเข้ามา ระหว่างปี 2558 – 2562
นอกจากนี้ FSSIA ยังประเมินว่า P/E ปี 2565 ที่ 20 เท่า นั้นสมเหตุสมผล โดยพิจารณาจาก (1) คำนวณจากส่วนลดเพียงเล็กน้อยจาก P/E เฉลี่ยของภาคธุรกิจอาหารที่ 22.60 เท่า (2) P/E ปี 2565 สำหรับ AISAN เทียบเท่ากับ 20 เท่า เนื่องจากทั้งสองบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจเชิงโครงสร้างเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่ง และ (3) การประเมินมูลค่าพรีเมียมเหนือ P/E เฉลี่ยของภาคเกษตรที่ 12.30 เท่า เนื่องจาก APURE มี ROE ที่สูงและยั่งยืนในปี 2564 – 2566 ที่ 19.70 – 27.20% และ NPM ที่ 14.20 – 15.40%