รัฐล้าหลังโหนลิซ่า
กระทรวงวัฒนธรรมออกมาชมลิซ่า BLACKPINK ต่อยอดสร้างสรรค์ พาไทยสู่ระดับโลก จนกระทั่ง “ชฎา” หรือเรียกให้ถูกว่า “รัดเกล้ายอด” วางขายเต็มพาหุรัด
โลกออนไลน์ฮากลิ้ง เมื่อกระทรวงวัฒนธรรมออกมาชื่นชมลิซ่า BLACKPINK นำทุนทางวัฒนธรรมต่อยอดสร้างสรรค์ พาไทยสู่ระดับโลก จนกระทั่ง “ชฎา” หรือเรียกให้ถูกว่า “รัดเกล้ายอด” วางขายเต็มพาหุรัด
โฆษกรัฐบาลก็ฉวยวาระที่ MV ลิซ่ามียอดวิวเกิน 100 ล้าน แถลงหน้าบานว่า นายกฯ ตู่ ภาคภูมิชื่นชมพร้อมผลักดัน Soft Power ไทย เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยยังคุยว่า ประยุทธ์นี่เองเป็นผู้กำหนดโมเดล BCG เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยปัญญาและต้นทุนทางวัฒนธรรม
ฮากันกลิ้ง เพราะลองคิดดูว่าถ้า MV ลิซ่าออกในเมืองไทย เป็นของค่ายเพลงไทย นายกฯ และหน่วยงานรัฐจะปลาบปลื้มอย่างนี้ไหม ดีไม่ดีจะมีมนุษย์ป้า มนุษย์ลุงออกมาท้วงติงว่า “ลบหลู่ชฎา” เอาวัฒนธรรมความเป็นไทยมาใช้ไม่เหมาะสม เรียกร้องให้รัฐเข้าไปจัดการ แบบเดียวกับ 2 พส.ไลฟ์สดตลกขบขันแทรกธรรมะ “ไม่สำรวม”
จำไม่ได้หรือ ขนาด MV “เที่ยวไทยมีเฮ” ยังโดนดรามา “หมิ่นทศกัณฐ์” ละเมิดจารีตเอาราชาแห่งยักษ์มาแคะขนมครก ขับโกคาร์ท ถ่ายเซลฟี่
คนรุ่นใหม่รายหนึ่งเปรียบเปรยว่า เหมือนเด็กมัธยมตั้งวงดนตรี โดนครูตำหนิเอาแต่ซ้อมไม่สนใจเรียน แต่พอไปประกวดได้รางวัลระดับชาติ ก็หน้าบานถ่ายภาพชูถ้วยตั้งแต่ ผอ.ยันครูฝ่ายปกครอง
ใช่เลย ลิซ่าเป็นคนไทย แต่รัฐไทยประเทศไทยเกี่ยวอะไรกับความสำเร็จของเธอ ไม่มีเลย ลิซ่าไปจากเมืองไทยตั้งแต่อายุ 14 เป็นผลิตผลของค่ายเพลงเกาหลี ที่ฝึกฝนเคี่ยวกรำให้ขึ้นมาเป็น idol พูดอีกที เธอเป็นศิลปินเกาหลี ไม่ใช่ศิลปินไทย เปรียบได้เหมือนเพชรในตม ไปผ่านการเจียระไนจนเปล่งประกายเจิดจ้าจากต่างชาติ
แต่รัฐไทยคนไทยปลาบปลื้มจังกับความเป็นไทย เหมือนปลื้มไทเกอร์ วู้ดส์ ทั้งที่หากเป็นลูกครึ่งผิวสีเกิดเมืองไทย ชะตาชีวิตอาจพลิกไปอีกขั้ว
เด็กไทยไม่น้อยมีความสามารถ ทั้งด้านดนตรี กีฬา ศิลปะ แฟชั่น ฯลฯ แต่ถูกปิดกั้นด้วยระบบการศึกษา ทัศนะของสังคม ครู พ่อแม่ ที่อยากให้เรียนวิทย์คณิตภาษาจบมามีงานมั่นคง รวมถึงระบบอุปถัมภ์ เช่นจะเป็นนักร้อง นักแสดง นักกีฬา ก็ต้องมีสัมมาคารวะกับผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการ
หนักกว่านั้นคือทัศนะของรัฐล้าหลังต่อ Soft Power ยกตัวอย่างผู้ประกอบอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยเข้าพบประยุทธ์ปีที่แล้ว ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกัน ให้เอาอย่างเกาหลีใต้ สร้าง Soft Power เป็นสินค้าทางวัฒนธรรม สร้างงาน สร้างรายได้ แล้วยังเป็น “กลไกสำคัญในการเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี หลอมรวมจิตใจของประชาชนในชาติให้เป็นหนึ่งเดียวกันตามนโยบายของรัฐบาล”
หัวร่อตายเลย นั่นแหละตัวปิดกั้นพลังสร้างสรรค์ อะไรนิด อะไรหน่อย ก็กระทบชาติ ศาสนาวัฒนธรรมความเป็นไทย แต่รู้ไหมว่าผลงานคนรุ่นใหม่ไทยที่โด่งดังไปทั่วเอเชียคือ ซีรีส์วาย
ผู้กำกับไทยที่โลกยกย่อง อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล นั่นไง ชนะรางวัลเมืองคานส์ 3 ครั้ง 1 ปาล์มทอง 2 Jury Prize ฝรั่งยืนปรบมือ Standing Ovation แต่คนไทยดูไม่รู้เรื่อง รัฐไทยเมินไม่ยินดีสักคำ เพราะ “เจ้ย” ยิ่งกว่า Call Out รณรงค์แก้ 112 มาตั้งแต่สิบปีที่แล้ว
กระทรวงวัฒนธรรมที่ปลดศิลปินแห่งชาติ สุชาติ สวัสดิ์ศรี เพราะความเห็นต่าง จะต่อยอดต้นทุนทางวัฒนธรรมได้อย่างไร รู้ไหมว่าเกาหลีสร้าง Soft Power เป็นสินค้าได้ หลังประชาธิปไตยชนะเผด็จการ เปิดกว้างให้เสรีทางศิลปวัฒนธรรม แต่รัฐไทยยังมุ่งใช้ Soft Power เป็นเครื่องมือควบคุมจำกัดความคิดประชาชน ตีกรอบวัฒนธรรมความเป็นไทยอยู่ในเขตหวงห้าม แล้วจะสร้างเศรษฐกิจ Soft Power ได้อย่างไร
สินค้าทางวัฒนธรรมของรัฐไทย ก็คิดได้แค่ทัวร์ฝรั่งมาเที่ยววัด ส่งเสริมตลาดร้อยปีพันปี retro อดีต เพิ่มมูลค่าเสาไฟกินรี