1,660 ด่านต่อไป?

ดัชนีไม่มีทีท่าจะไปได้ไกลกว่า 1,660 จุด บวกกับแรงซื้อออกอาการป้อแป้เมื่อทะยานขึ้นมาใกล้จุดดังกล่าว เลยทำให้บรรยากาศไม่สดใสอย่างที่ควรจะเป็น


* วานนี้เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องมานั่งนึกถึงคำถามแฟนคลับที่มีต่อข้อสงสัยเกี่ยวกับการทะยานขึ้นของดัชนีจะไปได้ไกลแค่ไหน? เพราะในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีไม่มีทีท่าจะวิ่งไปได้ไกลกว่าระดับ 1,660 จุดสักที บวกกับแรงซื้อของนักลงทุนมักออกอาการป้อแป้เมื่อทะยานขึ้นมาใกล้จุดดังกล่าวเป็นประจำ เลยทำให้บรรยากาศการลงทุนไม่สดใสซาบซ่าอย่างที่ควรจะเป็นไงล่ะคะ

* วันนี้ถึงต้องถามตรง ๆ ว่า การที่ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิด 1,631.70 จุด บวกไป  3.66 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.96 หมื่นล้านบาท ยังเป็นจุดที่นักลงทุนกล้าเล่นไหม? และประเด็นที่ทำให้คุณ ๆ ท่าน ๆ เหล่านั้นกล้าลุยแบบสุดซอยมาจากเรื่องอะไร? รวมทั้งรูปแบบการซื้อหุ้นช่วงนี้ของนักลงทุนถนัดเล่นแบบไหน? โดยทั้ง 3 ประเด็นที่ “โมนิก้า” เล่าให้ฟังแบบคร่าว ๆ จะเป็นตัวบอกให้รู้ถึงทิศทางของตลาดหุ้นไทยจะเดินไปข้างหน้าอย่างไรเจ้าค่ะ

* เหมือนกับแรงซื้อ ๆ ขาย ๆ หุ้นในกลุ่มบลูชิพช่วงหลายวันที่ผ่านมา เอาเข้าจริงก็เป็นการสลับตัวเล่นมากกว่าลงทุนถือหุ้นจริงจังในตัวใดตัวหนึ่ง “โมนิก้า” ถึงพยายามให้แฟนคลับสังเกตยอดเดิมของหุ้นแต่ละตัวมากเป็นพิเศษ เพราะตรงนั้นจะเป็นตัวบอกให้นักเล่นได้รู้ถึงความเสี่ยงในการกอดหุ้นได้เป็นอย่างดี และยังทำให้รู้ด้วยว่า กระบวนการฝ่าแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,660 จุด ต้องอาศัยแรงซื้อมากเป็นพิเศษนะคะ

* คล้ายกับกรณีของ BANPU ทำท่าเหมือนหมดแรงข้าวต้มเมื่อขึ้นมายืนแถว 13 บาทเป็นประจำ จนบรรดากองเชียร์เกิดอาการเซ็งในอารมณ์กันเป็นแถว เพราะไม่มีวี่แววที่หุ้นจะขึ้นไปทดสอบ high เดิมที่บริเวณ 14 บาทได้ในเร็ว ๆ นี้ แต่วานนี้กลับแสดงอิทธิฤทธิ์ด้วยการขึ้นมาปิดที่ 13 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 2.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.22 พันล้านบาท เท่ากับยืนยันว่า หุ้นกำลังเปลี่ยนโฉมนะจะบอกให้

* ส่วนในรายของหุ้นโรงบาล BCH ทรุดตัวลงมาเรื่อย ๆ ก่อนจะตีกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 22.60 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 5.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 899 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของการตีความมากกว่าการมองอนาคต ภาพของหุ้นถึงออกมาไม่ค่อยดีในหมู่คนที่มองโลกในแง่ร้าย เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับแยกแยะประเด็นดังกล่าวให้ชัดเจน เพื่อจะได้มองการลงทุนในเที่ยวนี้เป็น “โอกาส” หรือ “อุปสรรค” นะจ๊ะ

* อาการน่าเป็นห่วงกว่าใครเพื่อนในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น MAKRO เป็นรายถัดไปในทันที หลังแมงลือเม้าท์กันให้แซ่ดว่า สุดทาง! โดยเฉพาะโอกาสที่หุ้นจะเดินหน้าขึ้นไปทำไฮใหม่ มันกลายเป็นเรื่องยากสำหรับหุ้นที่กระชากขึ้นมาเป็นเวลานาน วานนี้ถึงเห็นหุ้นโรยตัวลงมานอนกองอยู่ที่ระดับ 52.50 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 3.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 399 ล้านบาทไงล่ะคะ

* ส่วนดาวรุ่งที่ “มาไว เคลมไว” อย่างหุ้น VPO อาจกลายเป็นอุทาหรณ์สอนใจพวกอ่อนหัดได้เป็นอย่างดี เพราะการพุ่งกระฉูดขึ้นมาปิดที่ 2.34 บาท บวกไป 0.54 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.22 พันล้านบาท แถมเป็นการพุ่งกระฉูดแบบม้วนเดียวจบ มันหมายความว่า วันนี้น่าจะซัดขวายาว ๆ อีกวัน แต่หลังจากนั้นจะไปต่อหรือไม่? ต้องไปลุ้นกันเอาเองจ้า

* ไหน ๆ เม้าท์ถึงหุ้นที่เล่นกันเป็นรอบขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอย้อนรำลึกไปดูหุ้นดาวเด่น IIG สักนิดหนึ่ง เพราะไซเคิลของหุ้นเรียงตัวแบบ W-Shape เป็นเวลานานถึง 4-5 เดือน แถมราคาสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้อยู่แถว 28 บาท      เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับขาลุยพิจารณาการขึ้นมาปิดที่ 31 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 10.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 160 ล้านบาท ใช่จุดของการ follow buy หรือเปล่า?

* เช่นเดียวกับในรายของ T ทะยานขึ้นมาปิดที่ 0.32 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 14.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 315 ล้านบาท ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นไปทำ new high ครั้งแรกของปีนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นความท้าทายที่นักเล่นต้องตามกระแสให้ดี เพราะการเล่นเที่ยวนี้ออกได้ 2 หน้า ทั้งในส่วนของการ “ขึ้นต่อ” และ “ทรุดตัว” โดยขึ้นอยู่กับคนเล่นเชื่อว่า ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนแค่ไหนนะคะ..อิอิอิ

Back to top button