คัด 4 หุ้นโรงแรม! ลุ้นเด้งแรง รับอานิสงส์ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 3
คัด 4 หุ้นโรงแรม! ลุ้นเด้งแรง รับอานิสงส์ "เราเที่ยวด้วยกัน" เฟส 3 เตรียมเปิดลงทะเบียน 24 ก.ย.นี้ ชู MINT-SHR หุ้น Top pick
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลหลักทรัพย์กลุ่มท่องเที่ยวมานำเสนอ เนื่องจากธุรกิจคาดว่าจะได้รับอานิสงส์โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และโครงการทัวร์เที่ยวไทย จะเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 24 ก.ย. นี้ โดยอาศัยข้อมูลประกอบจากบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุไว้ดังนี้
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแจ้งความคืบหน้าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และโครงการทัวร์เที่ยวไทย จะเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 24 ก.ย. 2564 โดยจองห้องพักได้ได้แต่วันที่ 8 ต.ค. เป็นต้นไป และเริ่มเดินทางท่องเที่ยวได้ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.2564 ยาวไปถึงต้นปี 2566
สำหรับโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 เปิดให้ลงทะเบียนจํานวน 2 ล้านสิทธิ์ สำหรับคุณสมบัติผู้เข้าร่วมจะเหมือนกับ เฟส 1 และ 2 เช่น คนไทยอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป รัฐจะจ่ายค่าห้องให้ 40% ไม่เกิน 3,000 บาท/ห้อง/คืน ช่วยค่าตั๋วเครื่องบิน 40% พร้อมคูปองอาหาร 600 บาท วัน
ส่วนโครงการทัวร์เที่ยวไทย เปิดให้ลงทะเบียนจํานวน 1 ล้านคน เป็นการการ เที่ยวผ่านบริษัททัวร์ ซึ่งจะต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป รัฐจะสมทบเงินให้ 40% ของ ราคาแพ็กเกจท่องเที่ยว หรือไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน หากแพ็กเกจ 12,500 บาท โครงการ คาดใช้เงินประมาณ 5,000 ล้านบาท
โดย KIBST:มีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยต่อกลุ่มท่องเที่ยว แม้ว่าโครงการเรา เที่ยวด้วยกับเฟส 3 จะมีการให้สิทธ์จํานวนห้องพักได้เพียง 2 ล้านสิทธ์ เมื่อเทียบกับรอบแรกที่ 5 ล้านสิทธิ์ และรอบ 2 ที่ 1 ล้านสิทธิ์ โดยยังคงให้ราคาเพดานห้องพักต่อห้องที่ 7,500 บาท (ส่วนลด 40% ไม่เกิน 3,000 บาท) เท่าเดิม
ส่วนโครงการทัวร์เที่ยวไทยมองว่าราคาสูงเกินไปคนอาจจะใช้สิทธิ์น้อย แต่อย่างไรก็ดีการรวมทั้ง 2 โครงการคาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงแรม เพราะรอบมีการล็อกดาวน์ ค่อนข้างนานกว่ากว่า 2 เดือน เทียบกับปีก่อนที่เพียง 1 เดือน ทำให้เกิด perit up demand สูง และมองว่าการท่องเที่ยวรอบนี้จะนับการเดินทางที่ใช้ รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักเพราะจํานวนผู้ติดเชื้อยังคงสูงอยู่ และน่าจะเป็นจังหวัดใกล้ๆที่เดินทางกัน เช่น พัทยาและหัวหิน
ซึ่งหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากน้อย เรียงตามสัดส่วนรายได้ในประเทศไทยจากมาก-น้อยคือ ERW (90%), CENTEL (80%), MINT (15%) และ SHR (5%) โดยคาดว่า ERW และ CENTEL จะได้ sentiment เชิงบวกจากโครงการนี้มากที่สุด
ทั้งนี้ยังคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มท่องเที่ยวเป็น “มากกว่าตลาด” เลือก SHR (ซื้อ/เป้า 4.50 บาท) และ MINT (ซื้อ/เป้า 38.00 บาท) เป็น Top pick เพราะมองการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในต่างประเทศเร็วกว่าไทย