MC ชู 5 กลยุทธ์ ก้าวขึ้นผู้นำค้าปลีกแฟชั่นไทย ลุยขยายตลาดออนไลน์-ออฟไลน์เต็มสูบ
MC วาง 5 กลยุทธ์หลัก ผลักดันเป็นบริษัทค้าปลีกประเภทสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ชั้นนำของไทย เดินหน้าขยายธุรกิจออนไลน์-ออฟไลน์เต็มรูปแบบ รองรับความเติบโตในอนาคต
นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ แถลงแผนธุรกิจงวดปีบัญชี 2565 ผ่านระบบออนไลน์ ว่า “แม็คกรุ๊ป” ได้วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ เพื่อผลักดันบริษัทให้เป็นบริษัทค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ชั้นนำของไทยและสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้น
โดยมีกลยุทธ์หลักในการทำธุรกิจ ดังนี้ 1.เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจทั้งในด้านการเงินควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพทางการผลิตสินค้าและบริการเพื่อการเติบโตต่อเนื่อง 2.ขยายฐานการรับรู้แบรนด์และชื่อเสียงของผลิตภัณฑ์ โดยเสริมสร้างความแข็งแรงในการสื่อสารแบรนด์ สร้างความจดจำในแบรนด์ สร้างความนิยมในผลิตภัณฑ์ และขยายกลุ่มลูกค้า
รวมทั้ง 3.พัฒนาแพลตฟอร์มค้าปลีกชั้นนำด้วยการนำประสบการณ์ที่ดีที่สุดมาให้ผู้บริโภค พัฒนาช่องทางออนไลน์ ออฟไลน์ และการเชื่อมต่อกันอย่างมีเสริมศักยภาพให้ส่วนงาน โอเปอเรชั่น เพื่อยกระดับการให้บริการ รวมทั้งพัฒนากลยุทธ์การเข้าถึงท้องถิ่นด้วยความเข้าใจ 4.การปรับเปลี่ยนการดำเนินงานในองค์กร เพื่อสร้างประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะองค์กรให้กับพนักงาน และ 5.เพิ่มศักยภาพของเทคโนโลยีและกระบวนการต่างๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจทั้งห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ บริษัทยังคงสามารถบริหารจัดการต้นทุนสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพในระดับสูง จากการเดินเกมกลยุทธ์การตลาดแบบเฉพาะเจาะตรงกลุ่มเป้าหมาย, สัดส่วนการขายสินค้า รวมไปถึงการบริหารช่องทางจัดจำหน่ายได้สอดคล้องเหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลาอย่างลงตัว ภายใต้การบริหารจัดการสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของภาครัฐที่มีนโยบายและความเข้มข้นแตกต่างกัน ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin : GP) ยังคงอยู่ระดับสูง 59.6% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 57.8% และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin : NP) เพิ่มขึ้นจาก 12.7% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 13.7% จากประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ดี โดยสามารถรักษาอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ไว้ได้ในระดับใกล้เคียงช่วงเดียวกันปีก่อนที่ราว 43%
“เชื่อมั่นว่าบริษัทจะเติบโตได้ต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าในรอบปีบัญชี 2564 จะต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ระลอกแล้วระลอกเล่าและโควิด- 19 ระลอก 4 ที่รัฐบาลออกมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ส่งผลให้ยอดขาย 2 เดือนแรกของปีบัญชี 2565 ได้รับผลกระทบ แต่เมื่อสถานการณ์การระบาดลดลงและการฉีดวัคซีนมีอัตราเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนรัฐบาลเตรียมประกาศเปิดเมือง จึงทำให้มั่นใจว่าปีนี้บริษัทจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายเจมส์ กล่าว
นอกจากนี้การที่ MC มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง เป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้สิน โดย ณ งวดสิ้นปีบัญชีที่ผ่านมา บริษัทมีเงินสดในมือกว่า 1,864 ล้านบาท จะสนับสนุนให้บริษัทแสวงหาโอกาสในการเติบโตได้เพิ่มขึ้น รวมถึงยังสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากดูสถิติในอดีตที่ผ่านมานับจากปี 2557 ถึงปัจจุบันพบว่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผลของบริษัทที่ผู้ถือหุ้นได้รับอยู่ในระดับ 5-6% ต่อเนื่องทุกปี และจ่ายปันผลสูงกว่านโยบายที่ตั้งไว้ หรือเฉลี่ยจ่ายประมาณ 90% ของกำไรสุทธิ โดยปีล่าสุดจ่ายในอัตรา 98.1% ของกำไรสุทธิสูงกว่านโยบายที่จะจ่ายไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ โดยงวดครึ่งปีหลังปีบัญชี 2564 จะจ่ายผู้ถือหุ้นอีกหุ้นละ 0.20 บาท
ทั้งนี้นายเจมส์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า บริษัทจะใช้กลยุทธ์ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อสนับสนุนการเติบโตโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากสินค้าและบริการของ Mc ซึ่งในส่วนของออนไลน์ นอกจาก mcshop.com ยังมีช่องทางมาร์เก็ตเพลสและพันธมิตรออนไลน์ ทั้ง Shopee, Lazada, และ JD CENTRAL เป็นต้น นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับพันธมิตรและหุ้นส่วน ทางยุทธศาสตร์หลายๆ บริษัท เพื่อสร้างความร่วมมือทางธุรกิจที่จะก่อให้เกิดรายได้หรือกำไรสูงสุดและเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า
สำหรับการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าทางออนไลน์ (Online Engagement) ก็เป็นสิ่งสำคัญ เรามีฐานลูกค้าที่เป็นสมาชิก MC CLUB กว่า 1.6 ล้านคน ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของ MC CLUB ที่สามารถใช้งานได้สะดวกสบายผ่าน LINE OA เป็นการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเพื่อสร้างความภักดีต่อแบรนด์ การทำโปรโมชั่นและบริการพิเศษ รวมถึงการเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าในกิจกรรมต่างๆ จะสนับสนุนการขายผ่านออนไลน์ของบริษัทให้เติบโตต่อเนื่อง สำหรับช่องทางโซเชียลมีเดียของบริษัทก็แข็งแรงเช่นกัน เช่น Facebook Page Mc Jeans มีผู้ติดตามประมาณ 1 ล้านคน ในอนาคตคาดหวังว่ายอดขายจากช่องทางออนไลน์จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 15% ของยอดขายรวมทั้งหมดของบริษัทจากปีก่อนอยู่ที่ 389 ล้านบาท คิดเป็น 12%
“การบริหารจัดการธุรกิจในยามวิกฤต เรายังคงเดินหน้าสร้างความสามารถในการทำกำไร การดำเนินการลดต้นทุนอย่างจริงจังในทุกๆ ส่วนงาน และมุ่งเพิ่มยอดขายให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญผ่านช่องทางออนไลน์ ขณะที่ยังคงรักษารายได้ และความสามารถในการทำกำไรของช่องทางออฟไลน์ รวมถึงให้ความสำคัญในเรื่องของสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานที่ยังคงเป็นเรื่องสำคัญในอันดับแรกของ Mc โดยบริษัทฯได้มีการจัดให้พนักงานได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง”นายเจมส์กล่าว
ด้านนายปิยะ โอฬารริกสุภัค ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินและบัญชี MC กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีบัญชี 2564/2565 บริษัทฯ คาดว่าจะใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 80 ล้านบาท โดยจะใช้ดำเนินการขยายทั้งธุรกิจออนไลน์และธุรกิจออฟไลน์ ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนยอดขายของธุรกิจออนไลน์ใกล้เคียง 15% ตามเป้าที่วางไว้ รวมทั้งมีแผนเปิดสาขาใหม่ รวม 22 สาขา ประกอบด้วย Mc Outlet 15 แห่ง SHOP 4 แห่งและเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า 3 เคาน์เตอร์ ขณะที่ในอนาคตอีก 2 ปี ข้างหน้าบริษัทวางแผนจะใช้เงินประมาณ 400 ล้านบาท ในการสร้างศูนย์กระจายสินค้าทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ เพื่อรองรับการเติบโตของยอดขายทั้งออนไลน์และออฟไลน์