โบรกฯ การันตี UBE พื้นฐานแกร่ง คาดกำไร 3 ปีโตเฉลี่ย 33%

โบรกฯ การันตี “อุบล ไบโอ เอทานอล” หรือ UBE พื้นฐานแกร่ง คาดกำไร 3 ปี (ปี 64-66) เติบโตเฉลี่ย 33% ต่อปี รับรายได้ธุรกิจมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังกระแสแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิคได้รับความนิยมสูงในต่างประเทศ ส่วนธุรกิจเอทานอลสร้างรายได้สม่ำเสมอ


บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ ระบุในบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE ว่า จากการประเมินมูลค่าพื้นฐาน UBE ที่ 2.90 บาท อิง PER เฉลี่ย 26 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย PER ของกลุ่มธุรกิจที่ใกล้เคียงกัน และสะท้อนโอกาสการเติบโตของกาไรสุทธิในระยะยาว จากเป้าหมายเพิ่มการขยายตลาดสินค้าพรีเมียม

โดย UBE มีส่วนแบ่งตลาดเอทานอล 8% โดยมีลูกค้าหลัก คือ TOP และ BCP ซึ่งมีบริษัทย่อยร่วมถือหุ้นใน UBE ด้วย ทำให้ธุรกิจเอทานอลมีความมั่นคงสูง และเชื่อว่า ความเสี่ยงในอนาคตจากความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้าจะยังไม่เกิดขึ้นในระยะอันใกล้

จึงทำให้ UBE มีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนสินค้ามันสำปะหลังออร์แกนิค แป้งฟลาว ตลอดจนสินค้าเกษตรอินทรีย์อื่น ๆ เป็น 80% (จาก 33% ในปัจจุบัน) ผ่านเครือข่ายเกษตรกรที่มีความเข้มแข็ง เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบของสินค้าธรรมดาที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะสร้างการเติบโตของกาไรในระยะยาว

ทั้งนี้คาดกำไรสุทธิในปี 2564-2566 จะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 33% ต่อปี โดยปัจจัยหนุนสำคัญจะมาจากเพิ่มขึ้นของปริมาณจำหน่ายสินค้าพรีเมียม ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรของธุรกิจมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามหลังระดมทุนผ่าน IPO คาดว่าฐานะการเงินจะแข็งแกร่งมากขึ้น โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนคาดว่าจะลดลงเหลือ 0.4 เท่า ในปี 2564 (จาก 1.2 เท่า ในปี 2563) รองรับการลงทุนต่อเนื่องในอนาคต

สำหรับลักษณะธุรกิจอิงกับสินค้าเกษตรที่มีหลายปัจจัยไม่อาจควบคุมได้ และราคาค่อนข้าง ผันผวนไปตามดีมานด์-ซัพพลาย นอกจากนั้น ยังมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนธุรกิจเอทานอลมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของนโยบายของรัฐฯ และ ความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต

ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ก.ย.2564) ไว้ว่า บริษัทอุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด(มหาชน) หรือ UBE เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลังครบวงจร รายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โรงงานอยู่บนพื้นที่ราว 900 ไร่ในจังหวัดอุบลราชธานี ผลิตภัณฑ์หลักคือเอทานอลและแป้งมันสำปะหลังภายใต้เครื่องหมายการค้า ‘อุบลซันฟลาวเวอร์’ มีกำลังการผลิตเอทานอลที่ใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบ 400,000 ลิตรต่อวัน เป็นกำลังการผลิตต่อ 1 สายการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง และมีกำลังการผลิตแป้งมันสำปะหลัง 700 ตันแป้งต่อวันในช่วงปี 2561 ถึงช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564  บริษัทมีรายได้จากเอทานอล แป้งมันสำปะหลัง และผลิตภัณฑ์อื่น เฉลี่ย 58:39:3

โดยธุรกิจเอทานอลนั้นสามารถสร้างรายได้สม่ำเสมอ 2.8-3.0 พันล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเป็นฐานรายได้ที่มั่นคงแม้จะเติบโตต่อปีเฉลี่ย 3.3% และคาดโตเฉลี่ย 5.2% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โรงงานของบริษัทรองรับวัตถุดิบได้หลายประเภทและมีต้นทุนการจัดซื้อต่ำ เพราะตั้งอยู่ในแหล่งเพาะปลูกในอุบลราชธานี เป็นแหล่งเพาะปลูกมันสำปะหลังมากสุดอันดับ 3 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ห่างไกลจากผู้ผลิตรายอื่น โอกาสเกิดการแย่งซื้อวัตถุดิบมีน้อย และกว่า 90% ของรายได้มาจาก BCP, OR, TOP, IRPC, ESSO, SHELL และกลุ่ม TOP และ BCP ยังเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท

ทั้งนี้ UBE ได้เน้นการเติบโตของแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิคได้รับความนิยมสูงในต่างประเทศซึ่งเป็นตลาดใหญ่สำหรับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ปี 2563 ถึงปัจจุบัน ปริมาณการขายเอทานอลและแป้งมันทั่วไปถูกกระทบ แต่ยอดขายแป้งมันออร์   แกนิคโตต่อเนื่องและมีปริมาณการขายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 สูงกว่ายอดขายทั้งปีของปีก่อนไปแล้ว การเติบโตในอนาคตของ UBE จะมุ่งเน้นในธุรกิจแป้งมันออร์แกนิคและแป้งฟลาวซึ่งเป็นบวกต่ออัตรากำไร เนื่องจากแป้งมันออร์แกนิค และแป้งฟลาวมีอัตรากำไรขั้นต้น 36-37% สูงกว่าแป้งมันทั่วไปที่ 12-13% และสูงกว่าเอทานอลที่ 27-29%

ทั้งนี้คาดรายได้ปี 2564-2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 30.1% , 13.1% และ 8.5% ตามลำดับ การเติบโตหลักๆ มาจากธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง อัตรากำไรขั้นต้นและ EBITDA margin เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนธุรกิจแป้งมัน โดยเฉพาะแป้งมันออร์แกนิค ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเชื่อว่าจะยังคุมได้ดีจึงคาดกำไรสุทธิเติบโต 190.2% ,52.0% และ 20.7% ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่เพิ่ม ขึ้นจาก 2.2% ในปี 2563 เป็น 7.5%ในปี 2566

โดยได้ประเมินมูลค่าหุ้นที่เหมาะสมสำหรับปี 2565 ที่ 3.30 บาท ด้วยวิธี Sum-of-theparts โดยใช้ PE Multiple 26 เท่า สำหรับธุรกิจเอทานอล ให้ premium 30% จากค่าเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังของบริษัทที่ทาธุรกิจใกล้เคียงกันได้แก่ KSL, KTIS, TAE เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรของ UBE ในส่วนของธุรกิจเอทานอลสูงกว่าและอิง PE ที่ 38 เท่าสำหรับธุรกิจแป้งมันสำ ปะหลัง ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังของ TWPC ซึ่งมีธุรกิจใกล้เคียง และ NRF ซึ่งเร่งขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ

Back to top button