“ฟินันเซียฯ” คัด 10 หุ้น Top Pick ลงทุน Q4 เน้น Domestic-Reopen รับโควิดคลาย-ศก.ฟื้น
“ฟินันเซียฯ” คัด 10 หุ้น Top Pick ลงทุนไตรมาส 4 เน้น Domestic-Reopen รับโควิดคลาย-ศก.ฟื้น
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รวบรวมข้อมูลและประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจในช่วงที่เหลือของปี 2564 และปี 2565 หลังจากสถานการณ์ COVID-19 ระลอก 3 เริ่มคลี่คลาย และเริ่มทยอยปลดล๊อกกิจกรรมทางธุรกิจต่อเนื่อง โดยการรวบรวมข้อมูลครั้งนี้อ้างอิงมาจากบทวิเคราะห์บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซึ่งระบุไว้ดังนี้
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในไตรมาส 4/2564 เป็นต้นไปหลัง COVID-19 ระลอก 3 เริ่มคลี่คลาย และการ Reopen ในรอบนี้คาดว่าจะแข็งแรงขึ้นจากจำนวนผู้ได้รับวัคซีน COVID-19 มีปริมาณสูงขึ้น โดยสิ้น เดือน ก.ย. 2564 คาดว่าจะสามารถฉีดได้ใกล้เคียงเป้าหมาย 50 ล้านโดส และจะมีผู้ได้รับวัคซีนครบ 2 โดส ราว 26.1% ซึ่งเอื้อต่อการควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อควบคู่การเปิดเมือง
นอกจากนี้คาดว่าจะเห็นมาตรการ กระตุ้นจากภาครัฐออกมาอย่างต่อเนื่องทั้งด้านการท่องเที่ยว รวมถึงการจับจ่ายใช้สอยโค้งสุดท้ายของปี ส่วนการลงทุนภาครัฐคาดเร่งขึ้นในระยะถัดไปโดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐาน ธปท.ประเมิน GDP ปี 2565 โต 0.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและจะเร่งขึ้นเป็น โต 3.9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนในปี 2565
อย่างไรก็ตามไม่กังวลต่อการลดขนาด QE ของ FED โดยหากพิจารณาจากสถิติในปี 2556-2557 ตลาดหุ้นทั่วโลก ส่วนใหญ่จะผันผวนและปรับลงช่วงที่มีการเริ่มส่งสัญญาณลด QE ในปี 2556 โดยเฉพาะ SET Index และ กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกหลังซื้อสุทธิในปี 2552-2556 ราว 1.9 แสนล้านบาท แต่เมื่อเริ่มลด QE ในปี 2557 ตลาดหุ้นส่วนใหญ่สามารถปรับตัวขึ้นได้โดยเฉพาะ SET Index ที่ Outperform สุด ส่วนการปรับลด OE ในช่วงปลายปี 2564 ที่กำลังจะเกิดขึ้น มองว่าไม่ส่งผลลบต่อหุ้นไทยอย่างมีนัยยะเนื่องจากนักลงทุน ต่างชาติไม่ได้มีสถานะซื้อในหุ้นไทยอยู่แล้ว
โดยตั้งแต่ FED เริ่มอัดฉีด QE ในปี 2563 นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยกว่า 2.3 แสนล้านบาท และให้น้ำหนักกับเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวซึ่งมีโอกาสที่นักลงทุน ต่างชาติจะกลับมาซื้อหุ้นไทยในปี 2565
ส่วนประเด็นเงินเฟ้อสหรัฐฯสร้างความผันผวนแก่ตลาดอีกครั้งและกังวลว่า FED อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด อย่างไรก็ตามมองว่าแรงกดดันเงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับต่ำมากและไม่ทำให้ธปท.ต้องรีบขึ้น ดอกเบี้ย แนวโน้มค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าต่อในระยะสั้น แต่หากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวได้ตามคาด
โดยประเมินว่าจะทำให้ค่าเงินบาทมีโอกาสพลิกมาแข็งค่าในปี 2565 จากการพลิกกลับมาเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และสถิติในอดีตค่าเงินบาทแกว่งตัวสัมพันธ์กับแนวโน้มเศรษฐกิจมากกว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ได้ปรับใช้ SET Index ปี 2565 ที่ 1,770 จุด อ้างอิง EPS จาก Bloomberg Consensus ที่ 95.75 บาทและ อิง PER 18.5 เท่า (ค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง +1.25 SD) เพื่อให้สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้ ชัดเจนมากขึ้น โดยคิดเป็น Implied 2565PBV ที่ 1.88 เท่าใกล้เคียงค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง ซึ่งมองว่าไม่สูงเกินไป โดยปัจจุบันมี Upside 9.2%ประเมินระดับดัชนีที่ 1,600 จุดหรือต่ำกว่าเป็นจังหวะในการ “ทยอยสะสม” เพื่อถือลงทุนระยะกลาง-ยาว
ดังนั้น Theme การลงทุนจึงแนะนำเน้นไปที่กลุ่ม Domestic และ Reopening Play สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึง ให้น้ำหนักกับ Trend การเติบโตของธุรกิจด้าน Digital Transformation E-Commerce Green Energy and Battery ua: Cross Industry Partnership ซึ่งคัดเป็นหุ้น Top Pick ในช่วงไตรมาส 4/2564-ปี 2565 ได้แก่ CK,CPALL,CRC,GPSC JWD,TKS,ORI,SCB,TU และ VRANDA