“หุ้นเอเชีย” เปิดลบ! เอกชนกังวลต้นทุนเพิ่ม หลัง “ราคาน้ำมันดิบสูง” หวั่นกระทบรายได้
“หุ้นเอเชีย” เปิดลบ! เอกชนวิตกราคาน้ำมันขึ้นทะลุระดับ 82 ดอลลาร์ ส่งผลให้ต้นทุนด้านพลังงานสูงขึ้น เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอดีตที่ผ่านมา โดยราคาที่สูงขึ้นนั้นหวั่นกระทบต่อรายได้และการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียเปิดในแดนลบเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาหลังราคาน้ำมันพุ่งขึ้นทะลุระดับ 82 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ (11 ต.ค. 2564)
โดยดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,581.30 จุด ลดลง 10.41 จุด หรือ -0.29%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,458.88 จุด ลดลง 39.32 จุด หรือ -0.14% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,995.95 จุด ลดลง 329.14 จุด หรือ -1.30%
สำหรับสัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นทะลุระดับ 82 ดอลลาร์ในระหว่างวันเมื่อวานนี้ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น แต่การผลิตน้ำมันกลับชะลอตัวลงเนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งการที่รัฐบาลในหลายประเทศโดยเฉพาะจีน พยายามผลักดันให้ลดการใช้พลังงานเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายการลดมลภาวะ
ด้านนีล เบเวอร์ริดจ์ นักวิเคราะห์จากบริษัทแบร์สเติร์นกล่าวว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันซึ่งส่งผลให้ต้นทุนด้านพลังงานสูงขึ้นด้วยนั้น เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอดีตที่ผ่านมา และเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดซ้ำรอยหากราคาน้ำมันยังพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันที่สูงขึ้นนั้นจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทเอกชน และบั่นทอนการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในภูมิภาควันนี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.75% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ขณะที่การแพร่ระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19 ได้บดบังแนวโน้มระยะสั้นของเศรษฐกิจเกาหลีใต้
ขณะที่มติการประชุมในวันนี้สะท้อนให้เห็นว่า BOK ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา BOK ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี ซึ่งทำให้ BOK เป็นธนาคารกลางแห่งแรกในเอเชียที่ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนับตั้งแต่โรคโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด