ย่อเพื่อขึ้น
มันเป็นเพียงคำพูด “หวังดีประสงค์ร้าย” เหมือนที่เคยเห็นกันมาหลายรอบ เดี๊ยนถึงสะอิดสะเอียนกับนักการเมืองหัวขวดทั้งหลายแหล่พะยะค่ะ
*ปัญหาความวุ่นวายของบ้านเมืองเราที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ “โมนิก้า” พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ทั้งหมดมาจากความบ้าบอของนักการเมืองทั้งนั้น จึงไม่แปลกใจที่การเปิดประเทศจะทำให้หลายคนดิ้นพล่านอย่างหนัก พร้อมกับทักท้วงถึงสารพันปัญหาที่จะตามมาในอนาคตมีมากเกินจะรับมือไหว! มันเป็นเพียงคำพูด “หวังดีประสงค์ร้าย” เหมือนที่เคยเห็นกันมาหลายรอบ เดี๊ยนถึงสะอิดสะเอียนกับนักการเมืองหัวขวดทั้งหลายแหล่พะยะค่ะ
*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” มีความเชื่อเช่นนั้นมาจากสถานการณ์โควิดในช่วง 2 ปีบอกให้รู้ว่า ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับปัญหาให้ได้ ซึ่งทุกคนเคยเห็นคนติดเชื้อหลักร้อย หลักพัน และหลักหมื่นกันมาแล้ว และยังได้เห็นผู้คนอันเป็นที่รักต้องจากไปคนแล้วคนเล่า แต่สุดท้ายเราก็ผ่านพ้นช่วงเวลาอันเจ็บปวดมาด้วยกัน จึงถึงเวลาที่เราต้องเดินหน้า และฟื้นฟูทุกอย่างไปพร้อมกันไงล่ะคะ
*นั่นหมายความว่า การเปิดประเทศเที่ยวนี้มีความหมายสำหรับทุกคนในประเทศ ซึ่งบางคนอาจเห็นด้วย และบางคนอาจไม่เห็นด้วย แต่ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป “โมนิก้า” จึงไม่แปลกใจที่คนส่วนใหญ่จะมีอาการโลกสวยแบบสุดซอย เพราะผู้คนส่วนใหญ่เริ่มออกมาใช้ชีวิตแบบปกติมากขึ้น โดยผลลัพธ์ของเรื่องนี้จะสะท้อนออกมาในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ว่า เวิร์คไหม?
*เหมือนกับการแกว่งตัวขึ้นของดัชนีตั้งแต่ยืนเหนือ 1,600 จุดเป็นเวลาร่วมครึ่งเดือน “โมนิก้า” มองเป็นการขึ้นอย่างมีระบบแบบแผน และเป็นการขึ้นมารอข่าวดีเพื่อทะยานต่อ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ดัชนีพยายามทะลวงแนวต้าน 1,650 จุด แต่สุดท้ายทำได้เพียงยืนปิดที่ 1,638.34 จุด ลบไป 2.63 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.47 หมื่นล้นบาท เพราะในตำราทางเทคนิคเขาเรียกอาการแบบนี้ว่า double top เพื่อไปต่อ..หากไปไม่ไหวก็ลงมาตั้งฐาน เพื่อรอเวลาทำ triple top ก็เท่านั้นเองจ้า
*ประเด็นข้างต้นเทียบเคียงได้กับการแกว่งตัวไปมาของหุ้น BDMS ซึ่งมีการขยับตัวไปมาในกรอบ 22-23 บาทเป็นเวลาร่วม 3 เดือน แต่การขึ้นเที่ยวนี้อาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะมีสตอรี่เปิดเมืองเข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญ จึงอนุมานได้ว่า เที่ยวนี้จะทะลุเพดานขึ้นไปหายอดเก่าแถว 24 บาทอีกครั้ง จึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ 22.90 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 890 ล้านบาท ยังน่าเล่นไหมจ๊ะ
*ในเมื่อชอบเล่นสั้น ๆ และมาแนวเล่นรอบที่ชัดเจน โดยมีปัจจัยพื้นฐานแน่นเปรี๊ยะรองรับ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นพิเศษอย่าง SUPER แบบไม่ลังเลใจ เพราะนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันก็เคาะกันบนกรอบ 0.92-1.05 บาททั้งหมด 4 รอบด้วยกัน เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 0.94 บาท ลบไป 0.01 บาท หรือลงไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 85 ล้านบาท น่าจะเป็นเป้าหมายสำหรับคนที่ชอบ “เล็กสั้น ขยันซอย” เจ้าค่ะ
*ส่วนคนที่ “ชอบของใหญ่ ใส่ไม่ยั้ง” น่าจะมองไปที่หุ้น CRC เพราะการขึ้นเที่ยวนี้มีความหมายมากกว่ารอบก่อน ๆ ผนวกกับวงรอบของหุ้นตั้งแต่ต้นปีก็อยู่ในระดับ 30-38 บาท ผนวกกับมีสตอรี่เปิดเมืองเป็นตัวบิ้วอารมณ์ “โมนิก้า” ถึงเชื่อว่า การยืนปิดที่ระดับ 35.50 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 383 ล้านบาท น่าจะเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ชอบหุ้นประเภทแบดแมนรีเทิร์นสนะจะบอกให้
*นอกจากนี้ยังอยากให้แฟนคลับมองไปยังหุ้นเล็กอย่าง DOD ไว้เป็นตัวเลือกสำหรับการเล่นรอบเช่นกัน เพราะเมื่อดูจากความคาดหวังกำไรจะพลิกฟื้นอย่างเป็นรูปธรรม ย่อมเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหลังจากตัดขายบริษัทที่เป็นตัวถ่วงออกไปสำเร็จ ก็เชื่อได้ว่า ต่อจากนี้จะเห็นตัวเลขที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ 12.70 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 2.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 163 ล้านบาท แถมกรอบใหญ่ที่เล่นก็อยู่แถว 13-15 บาท จึงกลายเป็นกรณีศึกษาที่น่าตามไปดูนะคะ
*ส่วนคนที่ชอบเล่นสั้นตามกระแส “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น CHO เพื่อชี้ให้เห็นกรอบบนที่เล่นเป็นประจำอยู่แถว 1.15 บาท ผสานกับสตอรี่ที่พูดกรอกหูทุกวันเป็นเรื่องของเทิร์นอะราวด์ เดี๊ยนจึงมองการขึ้นมาปิดที่ระดับ 1 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 11.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 435 ล้านบาท คือเกมวัดดวงที่เหมาะสำหรับคนเล่นเร็ว จึงขอดูห่าง ๆ ตามประสาคนวงนอกดีกว่าจ้า!