EPCO ลงทุนโซลาร์ฯญี่ปุ่น 5 โครงการมูลค่า 2.47 พันลบ.-นำบ.ลูกเข้าตลาดปี 59
EPCO ลงทุนโซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่น 5 โครงการกำลังผลิต 25 MW มูลค่าลงทุนประมาณ 2,472.75 ลบ. ขายไฟปี 59 ส่วนการนำบริษัท บ่อพลอย โซล่าร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ EPCO เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการตั้งที่ปรึกษาทางการเงินเรียบร้อยแล้ว คาดเข้าจดทะเบียนตลาดหุ้นได้ภายในปี 59 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมแผนลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าทั้งในและตปท. เพื่อให้มีกำลังการผลิตครบ 150 MW ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 9 ต.ค.มีมติอนุมัติลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่นจำนวน 5 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 25.326 เมกะวัตต์ (29.471 เมกะวัตต์ติดตั้ง) มูลค่าลงทุนประมาณ 2,472.75 ล้านบาท
โดยจะลงทุนผ่านบริษัท เอ็ปโก้ เอ็นเนอร์ยี่ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัทฯ การคำนวณงบลงทุนโครงการดังกล่าวคิดเป็น 93.14% ตามมูลค่ารวมของสิ่งตอบแทนตามงบการเงินของบริษัทฯงวดล่าสุด (สำหรับงวด วันที่ 30 มิถุนายน 2558) ซึ่งการได้มาของสินทรัพย์ดังกล่าวเป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการกำกับตลาดทุน
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทยังมีมติแต่งตั้ง บล.เคทีบี (ประเทศไทย)เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อทำหน้าที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทฯ ต่อผู้ถือหุ้น ตามประกาศรายการได้มาหรือจำหน่ายไป
โดยกำหนดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2558 ในวันที่ 19 พ.ย.58 และอนุมัติกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 26 ต.ค.58 และรวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 27 ต.ค.58
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2558 คาดว่ารายได้จะเติบโต 5 % และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามเป้าหมาย เนื่องจากจะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น โครงการแรกที่จะจ่ายไฟฟ้า 8-12 เมกะวัตต์ โดยจะเริ่มทยอยเปิดเดินเครื่องตั้งแต่ไตรมาส 2/59
ส่วนการนำบริษัท บ่อพลอย โซล่าร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ EPCO เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการตั้งที่ปรึกษาทางการเงินเรียบร้อยแล้ว คาดว่าภายในปี 59 น่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนตลาดหุ้นได้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมแผนลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้มีกำลังการผลิตครบ 150 เมกะวัตต์ ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์