ดาวโจนส์ปิดบวก 47 จุด ขณะตลาดจับตาผลประกอบการภาคเอกชน

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค อย่างไรก็ตาม ตลาดเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ และวอลุ่มการซื้อขายมีเพียงบางเบา เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ในสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ในสัปดาห์นี้


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (12 ต.ค.) ที่ 17,131.86 จุด เพิ่มขึ้น 47.37 จุด หรือ +0.28%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,838.64 จุด เพิ่มขึ้น 8.17 จุด หรือ +0.17% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,017.46 จุด เพิ่มขึ้น 2.57 จุด หรือ +0.13%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค โดยหุ้นอีเอ็มซี คอร์ป ปรับขึ้น 1.8% ขณะที่หุ้นอิเล็กทรอนิก อาร์ท อิงค์ พุ่งขึ้น 4.7% อย่างไรก็ตาม วอลุ่มการซื้อขายมีอยู่เพียงบางเบา เนื่องจากตลาดพันธบัตรและสถาบันการเงินส่วนใหญ่ปิดทำการในวันจันทร์ เนื่องในวันโคลัมบัส นอกจากนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญจากทางการสหรัฐในวันจันทร์

นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 รวมถึง โดยเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค จะเปิดเผยผลประกอบการในวันนี้ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์, แบงก์ ออฟ อเมริกัน, ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป จะเปิดเผยผลประกอบการภายในสัปดาห์นี้

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) รายงานว่า การผลิตน้ำมันดิบของโอเปกปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก.ย. โดยหุ้นทรานส์โอเชียน ร่วงลง 7.6% และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 7.2%

อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงของราคาน้ำมันได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเจ็ทบลู แอร์ไลน์ส และหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 2.9% และหุ้นสกายเวสท์ ทะยานขึ้น 11%

ส่วนหุ้นฟรีพอร์-แมคมอแรน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ ร่วงลง 4.1% หลังจากราคาทองแดงปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 10 วันทำการ อันเป็นผลมาจากความกังวลที่ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลให้อุปสงค์ทองแดงซบเซาลง

นักลงทุนจับตาดูรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., ยอดค้าปลีกเดือนก.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค.

Back to top button