กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงนำตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงวันแรกในรอบ 7 วันทำการ โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทเอกชนจะเปิดเผยผลประกอบการ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับลง 0.3% ปิด (12 ต.ค.) ที่ 361.79 จุด, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,688.70 จุด ลดลง 12.69 จุด หรือ -0.27%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,119.83 จุด เพิ่มขึ้น 23.23 จุด หรือ +0.23% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,371.18 จุด ลดลง 44.98 จุด หรือ -0.70%
หุ้นเกลนคอร์ ร่วงลง 6.2% หุ้นโรลส์-รอยส์ โฮลดิงส์ และหุ้นซาฟรัง ต่างก็ร่วงลง 3.9% ขณะที่หุ้นอาร์เซลอร์มิททัล ดิ่งลง 3.30% นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 รวมถึง โดยเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค จะเปิดเผยผลประกอบการในวันนี้ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์, แบงก์ ออฟ อเมริกัน, ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป จะเปิดเผยผลประกอบการภายในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายเบนัวต์ โคเออร์ สมาชิกสภาบริหารธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงเร็วเกินไปที่ ECB จะตัดสินใจเกี่ยวกับการขยายวงเงิน หรือขยายเวลาในการดำเนินโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่า ECB อาจขยายวงเงิน และช่วงเวลาในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังการเปิดเผยรายงานการประชุมของ ECB ประจำวันที่ 3 ก.ย.ที่ระบุว่า ECB มองว่าความเสี่ยงในช่วงขาลงต่ออัตราเงินเฟ้อได้เพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา