น้ำมันดิบปิดร่วงหลังยอดผลิตโอเปกพุ่ง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รายงานว่า การผลิตน้ำมันดิบของโอเปกปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 2.53 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิด (12 ต.ค.) ที่ 47.1 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ดิ่งลง 2.79 ดอลลาร์ หรือ 5.3% ปิดที่ 49.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากโอเปกเปิดเผยรายงานประจำเดือนเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของโอเปกในช่วงเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 109,000 บาร์เรล สู่ระดับเฉลี่ย 31.57 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2555 อย่างไรก็ตาม โอเปกคาดว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐจะลดลงในปีหน้า เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี
ทั้งนี้ ในรายงานตลาดน้ำมันรายเดือน โอเปกได้ปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันของสหรัฐสู่ระดับ 280,000 บาร์เรลต่อวันในปีหน้า โดยลดลง 60,000 บาร์เรลต่อวัน การปรับลดคาดการณ์ดังกล่าว แตกต่างจากคาดการณ์ของโอเปกก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในปีหน้า โอเปกระบุว่าการลดค่าใช้จ่ายในการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ อันเนื่องจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำลง ทำให้การผลิตน้ำมันของสหรัฐลดลงเร็วกว่าที่คาดไว้
รายงานดังกล่าวมีขึ้น หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ส ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลด้านน้ำมัน เปิดเผยรายงานที่ระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐลดลง 9 แท่น สู่ระดับ 605 แท่นในสัปดาห์ล่าสุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2553