112 องศา
การเมืองทความร้อนแรงพร้อมเปิดประเทศ ม็อบราษฎรคืนวันอาทิตย์สะท้อนอารมณ์อัดอั้น คนอยากมาม็อบจนล้นหลาม ไม่แยแสรัฐบาลยังอ้างฉุกเฉินโควิด
การเมืองทวีอุณหภูมิร้อนแรงพร้อมเปิดประเทศ ม็อบราษฎรคืนวันอาทิตย์สะท้อนอารมณ์อัดอั้น คนอยากมาม็อบจนล้นหลาม ไม่แยแสรัฐบาลยังอ้างฉุกเฉินโควิด
ม็อบประกาศล่าล้านชื่อ “ยกเลิก 112” ซึ่งมีเซอร์ไพรส์ พรรคเพื่อไทยขานรับ แม้ยังไม่ถึงขั้นเสนอแก้เหมือนกับพรรคก้าวไกล แต่คำแถลงของประธานยุทธศาสตร์ อดีตอัยการสูงสุด ก็ระบุชัดว่ามีปัญหาการใช้กฎหมายล้นเกิน ทั้ง 112, 116 พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.คอมพ์ เมื่อประชาชนเรียกร้องและเสนอแก้ไข พรรคเพื่อไทยก็พร้อมนำข้อเสนอประชาชนเข้าสู่รัฐสภา เพื่อตรวจสอบกระบวนการยุติธรรม ฟื้นฟูความเชื่อมั่น ให้นักโทษทางความคิดได้รับการปล่อยตัว
เท่านั้นแหละ บรรดานักการเมืองห้อยโหนก็ชี้หน้า “ล้มเจ้า” หวังสอพลออำนาจและปลุกความเกลียดชังหาคะแนนเข้าตัว
เดี๋ยวนะ ดุสิตโพลเพิ่งเปิดผลสำรวจ คะแนนนิยมพิธาแซงประยุทธ์ แม้คะแนนพรรคเพื่อไทยเหนือก้าวไกล ทำไมหัวหน้าพรรคเสนอแก้ 112 ได้คะแนนนิยมอันดับหนึ่ง ทำไมได้เงินบริจาคภาษีจากคนชั้นกลางมากที่สุด
เพื่อไทยหวังชิงคะแนนก้าวไกล? ใครจะโง่ขนาดนั้นเมื่อเห็นอยู่ว่าต้องเล่นกับไฟ จุดขายเพื่อไทยคือไอเดียทางเศรษฐกิจ แต่เศรษฐกิจเดินหน้าไม่ได้ถ้าประเทศยังแตกแยก เพื่อไทยจึงประกาศว่าต้องปล่อยนักโทษทางความคิด
เพื่อไทยหวังชนะเลือกตั้ง “แลนด์สไลด์” ด้วยไอเดียเศรษฐกิจที่พี่โทนี่เหยียบประยุทธ์มิดโคลน เพื่อไทยไม่ได้อยากชนเครือข่ายอนุรักษนิยม จนเคยโดนด่า “สู้ไปกราบไป” แต่เพื่อไทยก็ตระหนักว่า จะบริหารประเทศบริหารเศรษฐกิจท่ามกลางความแตกแยกไม่ได้ จะต้องหาทางโน้มน้าวอำนาจอนุรักษนิยมให้ยอมอยู่ร่วมกับคนรุ่นใหม่ ไม่เช่นนั้นก็ยับเยินทั้งประเทศไทย
เพื่อไทยไม่ได้ทำเพียงเพื่อชิงคะแนนก้าวไกล แต่เพื่อไทยเห็นแล้วว่า ประชาชนที่จะเลือกตนส่วนใหญ่เอาใจช่วยหรือเห็นใจม็อบราษฎร ไม่พอใจการจับกุมคุมขัง กระบวนการอยุติธรรม การใช้กำลังของตำรวจ การใช้อำนาจของศาลฯลฯ ไม่ต่างอะไรกับที่มวลชนเสื้อแดงเคยถูกกระทำ
พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคกล้า ฯลฯ น่าจะสำรวจฐานเสียงตัวเองบ้าง คนเลือกพรรคเหล่านี้ต้องการให้ปราบม็อบราบคาบ จับกุมคุมขังสักร้อยปี แล้วเชื่อว่าประเทศจะสงบ เศรษฐกิจจะดี อย่างนั้นใช่ไหม
ความขัดแย้งระหว่างพลังอนุรักษนิยมกับคนรุ่นใหม่ กำลังปะทุรอบด้าน ทั้งทางการเมือง วัฒนธรรม อย่างไม่สามารถกดไว้ได้ เช่นพระมหาไพรวัลย์ ตั้งคำถามต่อการเปลี่ยนโผแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง กระทบไปถึง “ผ้ายันต์” สะใจทั้งคนรุ่นใหม่รุ่นเก่า
ประเทศนี้ไม่มีใครอยากโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขหรอก แต่หลังรัฐประหาร 57 หลังรัฐธรรมนูญ 2560 “เพดาน” ของความเป็นประชาธิปไตยถูกกดให้ต่ำลงด้วยอำนาจใหญ่โตมหึมา
เพดานเสรีภาพต่ำลง กระทบทั้งการเมือง สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ ความสามารถในการแข่งขัน บรรยากาศการลงทุน ไม่ใช่แค่คนรุ่นใหม่เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ คนทุกรุ่นนั่นแหละ คนรุ่นเก่าไม่น้อยก็รู้ว่าปัญหาอยู่ที่ไหน แต่กลัวอำนาจ กับกลัวความเปลี่ยนแปลง
การจุดพลุอีกครั้งโดยม็อบราษฎร ขานรับโดยพรรคเพื่อไทย ก้าวไกล ขณะที่พรรครัฐบาลดาหน้าต้าน จึงทำให้อุณหภูมิการเมืองร้อนระอุ
ถามว่าร้อนแล้วไง จะรัฐประหารหรือ ก็เป็นรัฐบาลอยู่แล้ว จะยุบพรรคเพื่อไทยพรรคก้าวไกล? ก็เอาที่สบายใจ ประยุทธ์อยากครองอำนาจในคราบประชาธิปไตยปลอม ไม่งั้นไม่สามารถอวดโอ่ว่าได้ชนศอกกับผู้นำโลก
รัฐบาลต้องการสร้างบรรยากาศเปิดประเทศ แขวนเหยื่อล่ออีกไม่นานยุบสภาเลือกตั้งใหม่ อยากให้คนส่วนใหญ่คล้อยตาม แล้วอีกมือหนึ่งก็ใช้กระบวนการอยุติธรรมปราบม็อบจับกุมคุมขัง
แต่อุณหภูมิร้อนแรงจะบีบคั้นให้เดินตามความต้องการไม่ได้ บรรยากาศดูเหมือนน่ากลัว แต่รัฐบาลเองก็กลัวควบคุมอุณหภูมิไม่ได้