สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 4 พ.ย. 2564
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 4 พ.ย. 2564
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทำให้นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรของภาคธนาคารในสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยังคงปิดทำนิวไฮ โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และจากการที่นักลงทุนยังคงขานรับผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,124.23 จุด ลดลง 33.35 จุด หรือ -0.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,680.06 จุด เพิ่มขึ้น 19.49 จุด หรือ +0.42% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,940.31 จุด เพิ่มขึ้น 128.72 จุด หรือ +0.81%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) เป็นวันที่ 5 ติดต่อกันที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 483.21 จุด เพิ่มขึ้น 1.99 จุด หรือ +0.41%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,987.79 จุด เพิ่มขึ้น 37.14 จุด หรือ +0.53%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,029.65 จุด เพิ่มขึ้น 69.67 จุด หรือ +0.44%ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,279.91 จุด เพิ่มขึ้น 31.02 จุด หรือ +0.43%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่ร่วงลง หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ย ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,279.91 จุด เพิ่มขึ้น 31.02 จุด หรือ +0.43%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า การผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียอาจพุ่งขึ้นเหนือระดับ 10 ล้านบาร์เรล/วันในไม่ช้านี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.05 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 78.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2564
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.45 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 80.54 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2564
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ และจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่ายังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 29.6 ดอลลาร์ หรือ 1.68% ปิดที่ 1,793.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 2.93% ปิดที่ 23.911 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 6.8 ดอลลาร์ หรือ 0.67% ปิดที่ 1,029.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 9.20 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,996.40 ดอลลาร์/ออนซ์
เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย สวนทางการคาดการณ์ของตลาด ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขานรับข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.51% แตะที่ 94.3520 เมื่อคืนนี้
เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3493 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3679 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1553 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1609 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7399 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7445 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียกบับเงินเยน ที่ระดับ 113.73 เยน จากระดับ 113.93 เยน แต่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9127 ฟรังก์ จากระดับ 0.9105 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2460 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2392 ดอลลาร์แคนาดา