ดักเก็บ 23 หุ้นเด่น โบรกฯชี้กำไรโตสนั่น-ลุ้นเด้งแรง! ก่อนแจ้งงบ Q3

ดักเก็บ 23 หุ้นเด่น โบรกฯชี้กำไรโตสนั่น-ลุ้นเด้งแรง! ก่อนแจ้งงบ Q3 นำโดย JWD,TOP,RJH,WICE,CKP,JAS, MINT,TCAP,SAPPE,CRC,SHR,BDMS, BANPU,KCE, MTC,PR9, CHG,GULF, III,DIF,PTT,BCH และ PSL


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ก่อนประกาศงบไตรมาส 3/2564 ออกมาเป็นทางการเพื่อเป็นข้อมูลพิจารณาเข้าลงทุนในช่วงนี้

โดยหุ้นที่คัดเลือกมานำเสนอแบ่งเป็น 4 กลุ่มได้แก่ 1.กลุ่มที่มีแนวโน้มกำไรเติบโต เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบไตรมาสก่อนหน้า,2 กำไรเติบโตเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงเทียบไตรมาสก่อนหน้า,3.กำไรลดลงเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ดีขึ้นเทียบไตรมาสก่อน และ 4.กำไรลดลงทั้งเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบไตรมาสก่อนหน้า

ทั้งนี้กลุ่มหุ้นดังกล่าวอ้างอิงข้อมูลมาจากบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งระบุในบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2564 ดังนี้ จากฐานข้อมูลของ Bloomberg consensus ล่าสุดบริษัทมีการทำประมาณการผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2564 ออกมาแล้วประมาณ 112 บริษัทโดยพบว่าหุ้นที่คาดว่าจะมีกำไรออกมาดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนมีอยู่มากถึง 60 บริษัท ในขณะที่หุ้นที่คาดว่าจะมีกำไรลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนมีอยู่ 52 บริษัท

สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโต (หรือขาดทุนลดลง) ได้ทั้งเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบไตรมาสก่อนหน้า (เป็นกลุ่มที่คาดว่าราคาหุ้นน่าจะปรับขึ้นได้ในช่วงประกาศงบ) มีอยู่ 29 บริษัทประกอบไปด้วย BBL,BH,KKP,LHFG,SCB,PTTEP (ประกาศไปแล้ว) JWD, TOP,RJH, WICE,CKP,JAS, MINT,TCAP,SAPPE, CRC,SHR,BDMS,BANPU,KCE, MTC,PR9, CHG,GULF,III,DIF,PTT,BCH และ PSL

ในขณะที่บริษัทที่ดีรองลงมาคือ กำไรยังเติบโตได้ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงเทียบไตรมาสก่อนหน้ามีอยู่ทั้งสิ้น 31 บริษัทประกอบด้วย ADVANC,KBANK,KTB,KTC,TTB,GLOBAL,SCGP (ประกาศไปแล้ว) CENTEL,EPG,SPALI, DOHOME,SAT,SYNEX,HUMAN,WHAUP, COM7, ICHI,NYT,BGRIM,STGT,TAGC,BAM ,TVO,BTS,IVL,BCP,IRPC,HANA,PTTGC และ MEGA

ด้านหุ้นที่คาดว่ากำไรจะลดลง เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ดีขึ้นเทียบไตรมาสก่อนมีอยู่เพียง 16 บริษัท คือ THCOM (ประกาศไปแล้ว) SC,SVI,RBF,ERW,ZEN,MAKRO,GPSC,SAWAD,TIDLOR,PLANB,VGI,TTW, OSP,CPALL และ STEC

ส่วนบริษัทที่คาดว่ากำไรจะลดลงทั้ง เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบไตรมาสก่อนหน้า (ราคามีมีโอกาสปรับตัวแย่กว่าตลาดในช่วงประกาศงบ) มีอยู่ 36 บริษัทประกอบด้วย DELTA,LPN,HMPRO,DTAC,TISCO,SCC,INTUCH (ประกาศไปแล้ว) WHA,AOT SPA,AP,GFPT,SPRC, SABINA,ANAN, JKN,PSH,SEAFCO, DCC,ORI,TU,TOA,BJC,CPN,CBG,AWC,QH,CK,BEM,TASCO,WORK,RS,MAJOR,PTG,CPF และ NETBAY

ดังนั้นแนะนำให้ซื้อเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นที่คาดว่าจะมีผลกำไรออกมาเติบโตเด่นสุด เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและยังมี Upside สูงจากราคาเป้าหมายของ Bloomberg Consensus ซึ่งประกอบไปด้วย ADVANC,BDMS,BTS,CHG,CRC, CKP,DOHOME,EPG GLOBAL,ICHI, IRPC,KBANK, PTT,SAT,SHR และ SPALI

อย่างไรก็ตามแนวโน้มดัชนี SET มองว่ามีโอกาสขึ้นไปที่ระดับ 1700 จุดได้แบบไม่ยาก โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1. คาดว่าน้ำหนักการลงทุนใน MSCI จะเพิ่มขึ้น,2.งบไตรมาส 3/2564 เริ่มยืนส่วนงบไตรมาส 4/2564 ฟื้นตัวตามการเปิดประเทศ,3.การคาดการณ์กำไรต่อหุ้น 12 เตือนล่วงหน้าของตลาดหุ้นไทยใน IBES Bangkok SET ค่อยๆ ขยับขึ้นมาที่ประมาณ 94 บาทต่อหุ้น

นอกจากนั้นหากมาดูการเคลื่อนไหวของดัชนี SET ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา พบว่าอัตราการขึ้นของปีนี้น่าจะคล้ายๆ กับปี 2560 คือขึ้นจากต้นปีถึง ปลายปีประมาณ 14% (เทียบกับตอนนี้ที่ขึ้นมาแล้วประมาณ 10%) โดยในปี 2561 มีการคาดการณ์กำไรต่อหุ้น 12 เดือนล่วงหน้าโต ประมาณ 96 บาทต่อหุ้นเท่าๆ กับปี 25652 โดยดัชนี SET ในไตรมาสแรก 2561 ขึ้นไปทะลุ 1800 จุด

ดังนั้นการค่อยๆขยับของดัชนี ในครั้งนี้ น่าจะมาจากการความกังวลอะไรบางอย่างในประเทศ อย่างการมองว่าจะเกิดการยุบสภาหรือ ลาออกของรัฐบาล มากกว่าที่จะเกิดจากประเด็นภายนอก แต่อย่างไรก็ตามเรามองว่าหากงบพลังงาน ปิโตรเคมี ทยอยประกาศหรือเห็น น้ำหนักในดัชนี MSCI ของรอบนี้ ก็น่าจะเห็นทิศทางของตลาดเพราะจะเป็นกลุ่มที่จะหนุนดัชนี

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button